Theppitak's blog

My personal blog.

15 กรกฎาคม 2553

Khon Kaen Council 2/2553

เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) ได้ไปร่วมประชุมสภาเมืองครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2553 ที่ทางเทศบาลนครขอนแก่นจัดขึ้น เขาจัดกันประจำแหละครับ และประชาชนชาวขอนแก่นก็เข้าร่วมได้ ผมเข้าร่วมครั้งสุดท้ายก็เมื่อ 2 ปีก่อน ดังบันทึกไว้ (ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2)

ประชุมครั้งนี้ มีวาระหารือ 4 วาระ และแจ้งเพื่อทราบ 1 วาระ รวมเป็น 5 วาระ

วาระที่ 1: ย้ายอนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของไทย คือผู้มีคุณูปการต่อขอนแก่นเป็นอย่างมาก เป็นนายกฯ คนแรกที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาชนบทอย่างจริงจัง โดยได้ริเริ่มร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และได้วางยุทธศาสตร์ให้จังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดนำร่อง ด้วยสภาพที่ตั้งที่เหมาะสม จนทำให้ขอนแก่นกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญแห่งใหญ่ในภาคอีสานในทุกวันนี้

ชาวขอนแก่นได้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงท่านไว้ที่สวนรัชดานุสรณ์ แต่ปัจจุบันสภาพพื้นที่ได้เปลี่ยนไป สิ่งปลูกสร้างโดยรอบเริ่มบดบังภูมิทัศน์ของอนุสาวรีย์ ทั้งบริเวณอนุสาวรีย์ก็เป็นที่ต่ำน้ำท่วมขังบ่อย สภาพจึงทรุดโทรมลง ค่ายศรีพัชรินทร์ซึ่งเคยส่งพลทหารมาบำรุงรักษาบ่อย ๆ จึงมีแนวคิดที่จะย้ายอนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์ไปที่ใกล้จวนผู้ว่าฯ โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ช่วยออกแบบอนุสาวรีย์ใหม่ให้ แต่จากบันทึกประชุมสภาเมืองครั้งที่แล้ว (2 พ.ย. 2552) มีความเห็นจากที่ประชุมว่าควรพิจารณาทางเลือกอื่นหลาย ๆ ที่ พร้อมกับรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ ด้วย

ประชุมครั้งนี้ ก็เลยมีการเสนอสถานที่เข้ามาใหม่เป็นทางเลือกทั้งหมด 4 แห่ง คือ

  1. หน้าสวนสุขภาพบึงทุ่งสร้าง
  2. บริเวณพื้นที่ว่างลึกเข้าไปในบึงทุ่งสร้างด้านตรงข้ามสวนอาหาร
  3. ในสวนสุขภาพประตูเมือง
  4. บึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เกณฑ์การพิจารณาที่คณะทำงานใช้ในการประเมินความเหมาะสมของสถานที่:

  1. การสัญจรไปมาและการเข้าถึง
  2. มุมมองและการนำสายตา
  3. ความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์
  4. การขยายตัวเพื่อจัดกิจกรรมในอนาคต
  5. สภาพแวดล้อมทางกายภาพ
  6. ความพร้อมของสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ

บางส่วนจากการอภิปราย:

  • หน้าสวนสุขภาพบึงทุ่งสร้างเหมาะสมในแง่ของความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์ เพราะจวนผู้ว่าฯ ที่อยู่ตรงนั้นเป็นที่พำนักของจอมพลสฤษดิ์ขณะมาราชการที่ขอนแก่น และเป็นสถานที่ที่ใช้ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 ถนนเส้นที่ตัดเข้าไปหน้าจวนจึงได้ชื่อว่า "ถนนจอมพลพัฒนา" ภูมิทัศน์ก็เหมาะสม สามารถใช้ถนนจอมพลเป็นเส้นนำสายตาได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถพัฒนาจวนผู้ว่าฯ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับจอมพลสฤษดิ์ได้ด้วย แต่อาจมีปัญหาเรื่องความคับแคบของสถานที่ และอาจต้องรื้อประตูสวนสุขภาพฯ เพื่อใช้สถานที่บางส่วนสำหรับตั้งอนุสาวรีย์
  • บริเวณที่ว่างลึกเข้าไปในแถบบึงทุ่งสร้าง ยังคงไม่ห่างจากจวนมากนัก และพื้นที่กว้างขวางสามารถปลูกสร้างได้ทันที แต่ข้อเสียคือจะอยู่ในมุมอับ มองเห็นได้ยากจากภายนอก
  • สวนสุขภาพประตูเมือง มีความเหมาะสมเรื่องความเด่น เพราะอยู่ริมถนนมิตรภาพและอยู่ใกล้ประตูเมือง ผู้สัญจรไปมาสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย และยังมี landmark ที่อยู่ใกล้สำหรับผู้มาเยือน คือเซ็นทรัลพลาซา และศาลหลักเมือง แต่อาจจะอ่อนด้อยเรื่องความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์
  • บึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยขอนแก่นก่อตั้งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ด้วยดำริของจอมพลสฤษดิ์ จึงถือว่าท่านเป็นผู้สถาปนามหาวิทยาลัย ในด้านทำเลที่ตั้ง บึงสีฐานก็อยู่ริมถนนมะลิวัลย์ที่เป็นทางเข้าเมืองจากด้านชัยภูมิ-ชุมแพ ความเป็นบึงจะทำให้อนุสาวรีย์โดดเด่นอยู่กลางบึง และเปิดทางให้กับการตกแต่งทางน้ำ

หลังจากอภิปรายแล้วก็มีการนับคะแนนเสียง ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่เทให้กับบริเวณหน้าสวนสุขภาพบึงทุ่งสร้างอย่างท่วมท้น (122 เสียง) โดยบึงสีฐานตามมาห่าง ๆ เป็นอันดับสอง (59 เสียง) ถัดมาเป็นสวนประตูเมือง (23 เสียง) และพื้นที่ว่างด้านในบึงทุ่งสร้าง (1 เสียง)

ดูเหมือนไม่มีใครคัดค้านการย้ายอนุสาวรีย์ เพราะสถานที่ปัจจุบันคงไม่เหมาะจริง ๆ

วาระที่ 2: การศึกษาพื้นที่เฉพาะ บริเวณคลังน้ำมัน

ขอนแก่นมีคลังน้ำมันสามแห่งใกล้ ๆ กัน คือของ เชฟรอน, เชลล์ และ ปตท. ซึ่งที่ตั้งจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ และเดิมจะอยู่ห่างจากชุมชน แต่ปัจจุบันเมืองขอนแก่นมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนชุมชนเริ่มรุกล้ำเข้าไปโอบล้อมคลังน้ำมันมากขึ้น จนเกิดความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อมีการก่อวินาศกรรม เทศบาลฯ จึงได้ศึกษาผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง พร้อมประเมินว่าถ้าพื้นที่นี้ไม่ได้เป็นคลังน้ำมัน จะใช้ทำอะไรได้บ้าง

เทศบาลฯ ชี้แจงว่า หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง คือสำนักงานพลังงานจังหวัด และสำนักความปลอดภัยธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน มีการตรวจสอบความปลอดภัยและระบบรักษาความปลอดภัยของคลังอยู่เป็นประจำ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะไม่ต่ออายุใบอนุญาตให้

ตัวแทนจากบริษัทน้ำมันทั้งสาม ได้ชี้แจงว่าถังที่บรรจุน้ำมันนั้น มีระบบป้องกันที่แน่นหนา จะไม่มีการบรรจุน้ำมันจนเต็มถัง และมีการซ้อมแผนฉุกเฉินกันอยู่เป็นประจำ จึงขอให้ประชาชนวางใจ อย่าวิตกกังวลจนเกินไป

ความเห็นภาคประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ย้ายคลังน้ำมัน แต่อาจจะไม่ต้องย้ายทันที แค่ให้เริ่มสร้างในสถานที่ใหม่แล้วค่อย ๆ ปลดระวางในสถานที่เก่า อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ก็ไม่สามารถขยายพื้นที่ในที่เดิมได้อีกแล้ว มีข้อเสนอให้จัดเขตเศรษฐกิจพิเศษสำหรับคลังน้ำมันด้วย โดยห้ามตั้งบ้านเรือนในรัศมีที่กำหนดรอบเขตดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดซ้ำอีก

มีความเห็นจากผู้ประกอบธุรกิจปั๊มน้ำมัน เห็นว่าการย้ายคลังน้ำมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการขนส่งน้ำมันจะใช้รถไฟเป็นหลัก คลิงน้ำมันจำเป็นต้องมีท่อส่งน้ำมันจากสถานีรถไฟ ดังนั้นจึงต้องอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ซึ่งจะมีผลต่อการหาสถานที่ใหม่ และทำให้ไม่สามารถย้ายได้บ่อย ๆ หรือในระยะสั้น

นายกเทศมนตรีสรุปว่าจะไม่มีมาตรการใด ๆ สำหรับวาระนี้ จะมีเพียงหนังสือแจ้งเพื่อทราบเกี่ยวกับความเห็นของสภาเมืองส่งถึงบริษัทน้ำมันทั้งสามเท่านั้น ที่เหลืออยู่ที่ดุลยพินิจของบริษัทว่าจะดำเนินการอย่างไร

วาระที่ 3: สร้างทางข้ามต่างระดับ (fly over) ที่ถนนหลังศูนย์ราชการ

เมืองขอนแก่นเริ่มเติบโตข้ามถนนมิตรภาพไปทางฝั่งตะวันตกมากขึ้น ทำให้มีการจราจรข้ามถนนมิตรภาพไปมาหนาแน่นขึ้น แต่ทางออกมีไม่กี่จุดเท่านั้น จึงเกิดสภาพจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วนมากขึ้นเรื่อย ๆ ถนนหลังศูนย์ราชการก็เป็นช่องทางหนึ่งที่น่าจะช่วยระบายรถออกได้ แต่สภาพปัจจุบันเกิดคอขวดตรงทางข้ามทางรถไฟ อีกทั้งรถที่จะเลี้ยวขวาออกถนนมิตรภาพจะต้องเลี้ยวซ้าย วิ่งตัดช่องถนนเข้าช่องขวาเพื่อกลับรถที่แยกสามเหลี่ยม ทำให้รถต้องมาคับคั่งที่แยกสามเหลี่ยมอยู่ดี และจากระยะทางที่เพิ่มขึ้น รถทั้งหลายจึงมีแนวโน้มจะมาออกที่แยกสามเหลี่ยมโดยตรงมากกว่า

จึงเกิดแนวคิดจาก สท. ท่านหนึ่งว่า ถ้าสามารถทำให้รถเลี้ยวขวาจากถนนหลังศูนย์ราชการออกมิตรภาพได้โดยตรง จะทำให้เกิดช่องทางระบายรถออกจากเมืองเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่อง โดยไม่กลับมาเบียดกันที่แยกสามเหลี่ยมอีก จึงเสนอให้สร้างทางข้ามต่างระดับเลี้ยวขวาตรงแยกนี้ พร้อมทั้งขยายช่องทางตรงจุดที่ข้ามทางรถไฟจากสองช่องเป็นสี่ช่อง (ซึ่งจำเป็นต้องทำอยู่แล้วถ้าจะสร้างทางข้าม)

มีข้อสังเกตจากภาคประชาชนว่าทำไมไม่ทำช่องเลี้ยวขวาจากถนนมิตรภาพเข้าถนนหลังศูนย์ฯ ด้วย โดยอาจจะทำทางต่างระดับยกถนนมิตรภาพแทน แล้วทำไฟจราจรให้รถจากถนนรองเลี้ยวลอดใต้ทางข้ามเอา ซึ่งจะทำให้มีการเชื่อมโยงกับถนนหมอชาญอุทิศทางฝั่ง มข. ด้วย มีคำตอบจาก สท. ว่าจุดประสงค์คือต้องการระบายรถออกจากเมืองในชั่วโมงเร่งด่วนเท่านั้น และการทำทางยกระดับมิตรภาพไม่สามารถทำได้ เพราะอยู่ใกล้ปากอุโมงค์ลอดแยกสามเหลี่ยมเกินไป

มีอีกความเห็นหนึ่งว่าอยากให้ประเมินทางเลือกอื่นเปรียบเทียบด้วย เช่น การสร้างเกือกม้ากลับรถ และเป็นไปได้ไหมที่จะทำช่องทางให้รถมอเตอร์ไซค์ต่างหากด้วย สท. ไม่ตอบประเด็นแรก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องกลับรถไม่ใช่เลี้ยวขวา แต่ประเด็นหลังขอกลับไปศึกษาเพิ่มเติม

วาระที่ 4: ตัดถนนเชื่อมถนนผังเมือง ข6 และ ข7

สท. อีกท่านหนึ่งได้เสนอแนวคิดตัดถนนเชื่อมถนนผังเมือง ข6 และ ข7 ซึ่งอยู่คนละฟากถนนมิตรภาพ ถนน ข6 คือถนนราษฎร์คนึงซึ่งมาสุดที่สามแยกบ้านดอน ถนน ข7 คือถนนด้านฝั่งตะวันออกของมหาวิทยาลัยขอนแก่นด้านหน้าศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษก เมื่อกฎหมายผังเมืองเดิมหมดอายุลง จึงมีการเสนอให้ปรับผังเมืองข้อหนึ่งคือตัดถนนจากสามแยกบ้านดอนข้ามทางรถไฟไปทะลุออกถนนมิตรภาพ และเชื่อมไปยังฝั่งตรงข้ามเข้าสู่มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ทางเชื่อมนี้ นอกจากจะเพิ่มทางเลือกในการสัญจรแล้ว ยังสามารถดักน้ำจำนวนมหาศาลจากมอดินแดงในหน้าฝนไม่ให้เข้ามาท่วมในเมือง โดยสามารถฝังท่อขนาดใหญ่ใต้ถนนเพื่อระบายน้ำออกสู่บึงทุ่งสร้างอย่างรวดเร็วได้

ความเห็นจากที่ประชุมคือ ยังไม่มีการสำรวจว่าแนวถนนนี้จะตัดผ่านบ้านเรือนใครบ้าง การเวนคืนอาจจะไม่ง่าย และชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบก็ได้มาร่วมประชุมและเสนอทางเลือกอื่นด้วย เรื่องนี้นายกเทศมนตรีรับว่าจะต้องทำประชาพิจารณ์กับประชาชนในพื้นที่ก่อน

วาระที่ 5: เปิดตัวโครงการ "ความดีที่ขอนแก่น"

โครงการ "ความดีที่ขอนแก่น" เทศบาลนครขอนแก่นเชิญชวนให้ประชาชนเขียนเรื่องราวของคนรอบข้างที่ทำความดีประมาณ 4-5 บรรทัดหรือมากกว่าเพื่อผลิตสื่อเผยแพร่ ส่งไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กองวิชาการและแผนงาน เทศบาลนครขอนแก่น ถ.ประชาสำราญ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 วงเล็บมุมซองว่า "ความดีที่ขอนแก่น" หรือส่งอีเมลไปที่ jay_kkmuni at hotmal dot com

ป้ายกำกับ:

29 พฤษภาคม 2553

Meet OpenStreetMapper

หลังจากได้ blog เรื่อง OpenStreetMap ไปแล้ว ก็มีโอกาสได้นัดพบกับ Willi2006 ผู้ทำแผนที่ขอนแก่นใน OSM คนเดียว ก่อนที่ผมจะเข้าไปร่วม ก็ได้รับถ่ายทอดความรู้มาพอสมควร เลยมาเขียนบันทึกไว้ (เท่าที่สมองจะจำได้)

การทำ OSM นั้น แต่ละประเทศอาจใช้หลักการต่างกันไปในบางเรื่อง เช่น การใส่แท็กลำดับชั้นของเขตการปกครอง สำหรับประเทศไทย ก็มี หน้าวิกิ สำหรับรวบรวมข้อตกลงต่าง ๆ และมี forum สำหรับพูดคุยและถาม-ตอบด้วย

การเริ่มต้นทำ OSM นั้น ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง ขึ้นอยู่กับความสนใจของผู้ทำเป็นหลัก บางคนอาจจะวาดถนนก่อน บางคนอาจเพิ่ม point of interest (POI) ก่อน ที่สำคัญคือ อย่าให้ตัวเองรู้สึกยุ่งยากเกินไป ไม่งั้นจะเบื่อเร็ว ขอให้ทำด้วยความสนุก

การเพิ่มข้อมูลนั้น ควรทำในส่วนพิกัด GPS ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก อย่าคาดหวังว่าจะมีคนอื่นมาแก้ให้ (ยกเว้นเรื่องชื่อหรือการใส่แท็กต่าง ๆ ซึ่งคนอื่นที่ไม่ได้ลงพื้นที่สามารถช่วยแก้ได้)

ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ GPS ก็สามารถร่วมได้ เช่น ถ้ารู้ชื่อถนน ชื่อสถานที่ต่าง ๆ ก็สามารถเข้าไปแก้ไขชื่อที่อาจจะผิด หรือเพิ่มชื่อที่ขาดอยู่ได้ หรืออาจจะใช้ ภาพถ่ายดาวเทียมของ Yahoo! จาก Yahoo! maps ที่เปิดให้ OSM ใช้ได้ แต่ห้ามใช้ข้อมูลแผนที่ถนนโดยตรง ให้ใช้ได้เฉพาะภาพถ่ายดาวเทียมเท่านั้น ส่วน Google map นั้น ใช้ไม่ได้เลย เพราะข้อมูลมีลิขสิทธิ์คุ้มครองอยู่ แต่โชคไม่ดีที่ภาพถ่ายดาวเทียมที่สามารถใช้ได้นี้ ส่วนของประเทศไทยมีแต่ภาพความละเอียดต่ำเท่านั้น ไม่เพียงพอสำหรับทำแผนที่ถนน ผู้ไม่มีอุปกรณ์ GPS จึงมักแก้ไขได้เฉพาะเรื่องแท็กต่าง ๆ เท่านั้นในทางปฏิบัติ

ประเภทของถนน มีรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ถ้าเป็นถนนย่อยที่มีบ้านเรือนอยู่สองข้างทาง ควรใช้แท็ก highway=residential ถ้าเป็นถนนที่รถต้องหลีกทางให้คน ก็ใช้ highway=living_street นอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็น highway=unclassified ถ้าเป็นทางเล็ก ๆ ที่รถเก๋งเข้าไม่ได้ ก็แยกว่า ถ้ามีการทำผิวถนน เช่น ราดยาง หรือปูคอนกรีต ก็ใช้ highway=footway แต่ถ้าเป็นทางดินจึงใช้ highway=path

การทำสะพานข้ามแยก ถ้าไม่มีพิกัด GPS ของจุดตีนสะพานจริง ๆ ก็ไม่ควรทำ ปล่อยให้เป็นจุดตัดถนนธรรมดาจะดีกว่า แต่ถ้ามี ก็ให้ตัดแบ่งถนนตรงตีนสะพานทั้งสอง แล้วเชื่อมด้วยถนนที่มีแท็ก bridge=yes สำหรับสะพานที่ซ้อนกันหลายชั้น ก็ต้องใช้แท็ก layer=... กำกับแต่ละชั้นด้วย ดูตัวอย่างได้จากทางเส้นก๋วยเตี๋ยวต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ทางเชื่อมระหว่างถนนสองเส้น เช่น เพื่อเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาจากมอเตอร์เวย์ออกถนนเส้นอื่น ก็ทำทางเชื่อมเป็นถนนไม่มีชื่อ แต่ใช้แท็ก highway=motorway_link หรือ highway=primary_link ฯลฯ โดยอ้างอิงถนนเส้นที่ใหญ่กว่า

การทำแผนที่ปั๊มน้ำมัน อาจจะทำทางเข้า-ทางออกโดยใช้ highway=service และวาดเส้นล้อมรอบบริเวณปั๊มโดยใช้ highway=service เหมือนกัน แต่กำหนด area=yes ไว้ด้วย จากนั้นก็ใส่ POI พวกร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ อู่ซ่อมรถ ตามแต่จะมี แล้วสุดท้ายอย่าลืมใส่ POI ของปั๊มน้ำมันไว้ตรงกลางพื้นที่ด้วย (ดูตัวอย่าง)

การทำแผนที่สวนสาธารณะที่มีบึงหรือสระตรงกลาง ก็ทำพื้นที่รอบสวนกับพื้นที่ที่เป็นสระ แล้วกำหนด Relation:multipolygon แล้วกำหนด role ให้พื้นที่รอบสวนเป็น outer และตัวสระเป็น inner เพื่อแยกพื้นที่น้ำกับบกออกจากกัน

เทคนิคการทำแผนที่ส่วนที่เป็นแม่น้ำลำคลอง มีเทคนิคหลากหลายแล้วแต่แต่ละบุคคล ถ้าเป็นคลองที่มีถนนขนาบข้าง ก็ track ถนนก่อน แล้ววัดระยะระหว่างถนนหาจุดกึ่งกลาง แล้วใช้ potlatch (โปรแกรมแก้ไขที่เป็น flash อยู่บนเว็บ OSM) สั่งสร้างคลองน้ำขนานกับถนนในระยะที่กำหนดเอา ส่วนถ้าเป็นบึงหรือสระ ก็พยายามเดินเลาะให้ใกล้ฝั่งน้ำให้มากที่สุด จุดไหนที่เดินเข้าใกล้น้ำไม่ได้ ก็ใส่ POI กำหนดจุดที่เริ่มออกห่างจากฝั่งน้ำ กับจุดที่กลับเข้าหาฝั่งน้ำเอาไว้ แล้วใช้วิธีลากเส้นกะประมาณระหว่างสองจุดเอา วิธีนี้จะได้ฝั่งโดยประมาณในช่วงที่ขาด แต่ก็ถือว่าแม่นยำกว่าใช้ภาพถ่ายดาวเทียม

แม่น้ำนั้น การลงไปนั่งเรือ track ออกจะเป็นเรื่องลำบาก ถ้าเป็นแม่น้ำที่เห็นชัดในภาพถ่ายดาวเทียม ก็ลากเส้นตามภาพถ่ายดาวเทียมจะดีกว่า โดยใช้ WMS plugin ใน JOSM เพื่อซ้อนภาพได้ แต่ถ้าไม่มีภาพถ่ายดาวเทียม ก็อาจใช้วิธี track สองฝั่งน้ำแล้วลากเส้นกึ่งกลางเอา

วิธีเก็บข้อมูลถนนอย่างเร็วในกรณีที่มีเวลาน้อย: ไปตามถนนแล้วถ่ายป้ายชื่อถนนหรือป้ายสถานที่ไปตามทาง จากนั้นเมื่อกลับเข้า JOSM ก็โหลด GPS track พร้อมโหลดรูปเข้ามา ซึ่ง JOSM จะ sync เวลาที่ถ่ายรูปกับเวลาที่เก็บ track แต่ละจุดให้ ทำให้คลิกดูรูปที่ถ่ายตามจุดต่าง ๆ ใน track ได้

เท่าที่ระลึกได้ก็มีแค่นี้ครับ Willi เขาบอกว่ายินดีมากที่มีคนในท้องถิ่นเข้ามาทำ เพราะคนในพื้นที่จะมีความรู้เรื่องตรอกซอกซอยต่าง ๆ ดีกว่าคนต่างประเทศอย่างเขา โดยเฉพาะเรื่องชื่อภาษาไทย และยินดีให้คำแนะนำกับคนอื่น ๆ ที่สนใจ ถ้ามีคนไทยสนใจร่วมกันทำ OSM เรานัดมาเจอกันแล้วมาให้เขาติวให้ฟังเขาก็ยินดีครับ โดยเฉพาะถ้าอยู่แถวขอนแก่น เพราะเขาก็ตั้งใจจะปักหลักอาศัยที่ขอนแก่นไปให้นานที่สุดครับ และตอนนี้ หลังจากทำแผนที่ขอนแก่นไปเยอะแล้ว เขาก็เริ่มทำแผนที่อุดรฯ ต่ออยู่ครับ แต่ก็ทำได้ทีละนิดเพราะไม่ได้อยู่ประจำที่นั่น

ป้ายกำกับ: , ,

20 มีนาคม 2553

Thailand Mini-DebCamp 2010

ไม่ได้ blog เสียนาน เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเตรียมงาน Thailand Mini-DebCamp 2010 พร้อม ๆ กับตรวจคำแปล GNOME แข่งกับ 2.29.91 tarballs due

ในส่วนของงาน Mini-DebCamp ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นนั้น ต้องขอขอบคุณ อ.กิตติ์ ที่รับเป็นแม่งานในครั้งนี้ ทำให้งานลื่นไหลไปได้มาก ในส่วนของผมนั้น รับหน้าที่ติดต่อประสานงานกับผู้ร่วมงาน โดยงานส่วนใหญ่จะเป็นการส่งอีเมลเชิญชวน DD และนักพัฒนาในประเทศใกล้เคียง (ซึ่งออกจะล้มเหลว เพราะเชิญมาได้ไม่มากเท่าที่คาดหวังไว้ แต่คนที่มาก็ได้ช่วยกันทำให้งานบรรลุวัตถุประสงค์ได้พอสมควร) รวมทั้งจัดตารางเวลาของงาน แต่งานส่วนอื่น ๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสถานที่ อาหาร ขนม-เครื่องดื่ม จองที่พัก รถรับ-ส่ง การเบิกจ่ายค่าเดินทาง ฯลฯ ล้วนเป็นภาระของ อ.กิตติ์ ทั้งสิ้น ขอเสียงปรบมือให้ด้วยคร้าบ..

และที่ลืมไม่ได้ คือความช่วยเหลือจากทีมเนคเทค ซึ่งได้ช่วยดูแลการเดินทางของชาวต่างประเทศระหว่างกรุงเทพฯ กับขอนแก่น ทั้งขามาและขากลับ

ขอบคุณศูนย์คอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นที่รับเป็นเจ้าภาพและสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่ง ขอบคุณผู้สนับสนุนงบประมาณอันได้แก่เนคเทคและ Esan Science Park มา ณ ที่นี้ เราคงจัดงานนี้ไม่ได้ถ้าขาดความช่วยเหลือจากพวกท่าน

งาน Mini-DebCamp 2010 ก็จบลงแล้วเมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) เป็นงานที่เหนื่อยแต่อิ่มใจที่ได้ทำ แล้วก็เสียดายในหลาย ๆ จุดที่คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้

พูดถึงเรื่องที่เสียดายก่อนละกัน.. งานนี้แม้จะมีการวางแผนล่วงหน้ามาเป็นเวลานาน โดยเริ่มตั้งแต่กลับจาก Taiwan Mini-DebConf 2009 เมื่อเดือนกันยาฯ ก็เริ่มตีกลองประชุมกันตั้งแต่ตุลาฯ เป็นต้นมา จนกระทั่งวางกำหนดการที่วันที่ 13-19 มีนาฯ ได้ ก็มีเวลาถึง 5 เดือนในการเตรียมการ แต่เอาเข้าจริง ทุกคนต่างก็มีงานต้องทำ ทำให้กว่าจะมาตั้งตัวกันได้ก็มกราฯ (แต่แน่นอนว่าระหว่างนั้น อ.กิตติ์ ได้ติดต่อขอทุนในเบื้องหลังไปแล้ว) ลงรายละเอียดจริง ๆ ก็ กุมภาฯ และ finalize ตอน ต้นมีนาฯ นี่เอง

ที่ผมเสียดายก็คือ ไม่สามารถเตรียมกำหนดการล่วงหน้าได้ครบ ทั้งที่มีเวลามากขนาดนั้น อาจเป็นเพราะงานนี้เพิ่งจัดเป็นครั้งแรก ยังไม่สามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมได้มากพอ ทำให้หัวข้อต่าง ๆ ขาดคนพูดไปเยอะ จำเป็นต้องตัดออกไปหลายเรื่อง แล้วก็ไหว้วานขอซ่อมเสริมกันทีหลังเอา บางเรื่องถึงกับต้องรบกวน DD ชาวต่างประเทศที่เพิ่งเดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ ให้เตรียมบรรยายภายในคืนเดียว ซึ่งก็ทำให้รู้สึกเกรงใจเขามาก พอ ๆ กับที่รู้สึกขอบคุณเขาที่อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนช่วยเตรียมให้ ครั้งหน้าถ้าทำได้ อาจจะตั้งเป้าไว้ต่ำกว่านี้หน่อย เช่น ลดจำนวนวันลง

ผมเองก็ไม่เว้น.. การบรรยายในส่วนของผมก็ไม่มีเวลาเตรียมการมาก เพราะติดงานอื่น เช่น งานรับจ้าง งานแปล GNOME แถมซ้ำฮาร์ดดิสก์ยังมาพังในช่วงไม่กี่วันก่อนงานเริ่ม ทำให้ต้องส่งฮาร์ดดิสก์ไปซ่อม แล้วเตรียม live USB สำหรับใช้งานแก้ขัดแทน แทนที่จะได้ใช้เวลานั้นเตรียมบรรยาย

อีกเรื่องที่เสียดาย คือรู้สึกว่าประชาสัมพันธ์เรื่องกำหนดการยังไม่ดีพอ ผู้เข้าร่วมบางส่วนควรจะได้รับข้อมูลว่า งานนี้แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกเป็นกิจกรรมสำหรับนักพัฒนา ซึ่งเน้นที่ Bug Squashing Party ซึ่งเป็นการระดมกำลังกันแก้บั๊กเป็นหลัก ส่วนช่วงหลัง เป็นความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ Debian ซึ่งผู้ที่ไม่ใช่นักพัฒนาอาจเข้าร่วมได้ หลายคนมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ แล้วก็ดูกร่อยไปบ้าง ซึ่งผมก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่แม้จะได้ให้ข้อมูลไปบ้างก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร

แต่เรื่องที่ทำให้อิ่มใจได้ ก็มีหลายเรื่อง เรื่องแรกคือได้ทำประโยชน์บางอย่างให้กับโครงการ Debian บ้าง คือจัดกิจกรรม Bug Squashing Party ซึ่งปรากฏว่าผู้เข้าร่วมได้เข้าไปแตะต้องบั๊กรวมกันทั้งหมดกว่า 50 บั๊ก ในจำนวนนี้ เป็นการปิดบั๊กไปถึง 30 บั๊ก มีแพตช์อยู่ระหว่างพิจารณาอีก 14 บั๊ก (ตัวเลขยังไม่นิ่ง เนื่องจากบางบั๊กปิดด้วยการ upload แบบ delay ไป 2-3 วัน บางบั๊กที่เสนอแพตช์ไปก็อาจมีการรับแพตช์และปิดบั๊กในเวลาต่อมา)

เรื่องถัดมาคือ ได้เห็นผู้เข้าร่วมงานหลายคนให้ความสนใจเรียนรู้กระบวนการทำงานของ Debian และมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ บางคนบอกผมว่า อยากเข้าร่วมกับ Debian มานานแล้ว แต่เพิ่งได้มาเรียนรู้กระบวนการกับของจริงก็ในครั้งนี้เอง ผมเชื่อว่า บรรยากาศการทำงานร่วมกับ DD หลายคนซึ่งไม่ได้พบได้บ่อยนักแบบนี้ คงจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คนได้ เหมือนกับที่ผมเคยได้รับมาแล้ว

นอกจากนี้ วาระหนึ่งที่คาดหวังไว้ในครั้งนี้ก็ดูมีความคืบหน้า คือเรื่องการปรับปรุง Debian mirror ในเมืองไทย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ Debian ให้มากที่สุด ในครั้งนี้ เราได้ อ.ฉัตรชัย จันทร์พริ้ม ผู้ดูแล ftp.th.debian.org มาให้ทัศนะและเล่าถึงการสร้างและดูแล Debian mirror และยังได้ Andrew Lee ผู้ดูแล ftp.tw.debian.org มาพา mirror admin ทั้งหลายเข้าชม facility และเครื่องมือต่าง ๆ ของ Debian เกี่ยวกับการทำ mirror รวมทั้งยังได้ทราบจาก John Ham ผู้ดูแล mirror.in.th เกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ของการดูแล mirror แห่งชาติ ทำให้เข้าใจปัญหามากขึ้น หวังว่าการพูดคุยครั้งนี้จะนำไปสู่การปรับปรุงและแก้ปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้ sync Debian mirror กันได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้ากันได้กับระบบของ Debian กันมากขึ้นต่อไป

เรื่องเกี่ยวกับ internationalization ก็ได้เรียนรู้ระบบ workflow และ Pseudo-URL ที่ใช้สำหรับติดตามงานแปลของทีมแปลใน Debian ซึ่งอาจเป็นสิ่งจำเป็นถ้าเราจะแปลกันเป็นทีม

งานสังสรรค์ยามค่ำ แม้จะทำให้ต้องนอนดึกกันแทบทุกคืน แต่ปรากฏว่าได้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ DD ได้ฟังเขาเล่าบรรยากาศของงาน DebConf ในอีกแง่มุมหนึ่ง ได้รู้จัก "Cheese and Wine Party" ในฉบับ Debian จาก Christian Perrier ผู้เป็นต้นตำรับเอง

ผมเชื่อว่า คนอื่น ๆ ก็คงได้รับประสบการณ์ในแง่อื่นแตกต่างกันไป อ่านแค่ blog ผมคงยังไม่ทำให้เห็นภาพได้ครบถ้วน คงต้องดูบันทึกของหลาย ๆ คนประกอบกัน

ป้ายกำกับ: , ,

22 กุมภาพันธ์ 2552

The God-Damned Bike Week

เมื่อครั้งที่ผมรู้จักชื่องาน "ไบค์วีค" เป็นครั้งแรกนั้น ผมไม่รู้มาก่อนว่ามันคืองานอะไร แต่สิ่งแรกที่ผมรู้เกี่ยวกับมันก็คือ เสียงของฝูงฮาร์เลย์-เดวิดสันที่แผดเสียงอาละวาดเป็นระยะ ๆ หลังเที่ยงคืนจนถึงเช้า ในระหว่างที่ผมกำลังฟื้นตัวจาก ไข้ เมื่อปีที่แล้ว ทำเอาไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน เป็นอุปสรรคต่อการรักษาตัวพอสมควร

นี่มันก็มาอีกแล้วครับ หลังจากที่มาอาละวาดตอนกลางวันไปบ้างแล้ว เมื่อคืนนี้ก็เป็นเหมือนปีกลายอีก เดี๋ยวฝูงใหญ่ เดี๋ยวฝูงเล็ก รบกวนการพักผ่อนของชาวบ้าน เมื่อคืนผมเลยอดนอนทั้งคืน เพราะสะดุ้งตื่นกับเสียงมอเตอร์ไซค์นรกนี้

เมื่อปีกลาย ผมได้ไปร้องเรียนที่เว็บไซต์ของเทศบาลนครขอนแก่น แต่ปรากฏว่าไร้เสียงตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทางหนึ่งก็ไปโพสต์ร้องเรียนที่เว็บบอร์ดยอดนิยมของท้องถิ่น แต่ปรากฏว่าผมเองเป็นฝ่ายถูกขอให้อดทน เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม จากนั้นก็ตามด้วยเสียงชื่นชมงานไบค์วีค พร้อมโพสต์รูปรถ รูปพริตตี้ ตามมาเป็นขบวน

ปีนี้ ผมคงจะไม่สามารถพึ่งพาใครได้อีก ก็คงได้แต่เขียนบันทึกบ่นไว้ที่นี้

ผมไม่ได้ต่อต้านการจัดงานแสดงรถใด ๆ ผมเพียงจะขอร้อง เรื่องการใช้เสียงในยามวิกาล จำเป็นไหมที่จัดงานแสดงรถแล้ว จะต้องเอาออกมาอวดศักดายามค่ำคืน ที่ประชาชนจะต้องพักผ่อนนอนหลับกัน? และอันที่จริง การออกมาวิ่งกันเป็นฝูงในเวลากลางวัน ก็รบกวนโสตประสาทมากพอดูแล้ว การใช้เสียงในยามวิกาล ยิ่งไม่น่าให้อภัย

เมื่อปีกลาย ผมหนักใจกับคำว่า "วีค" ใน "ไบค์วีค" พอสมควร เพราะการอดนอนในแต่ละคืน มันมีผลอย่างมากต่อคนที่กำลังฟื้นไข้ การต้องทนไปถึงหนึ่งสัปดาห์ จึงเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก แต่ผมคิดว่า แม้กับคนที่ไม่ได้กำลังฟื้นไข้ การอดนอนติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์ ก็น่าจะทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมได้มากกว่าการดื่มสุราเสียอีก

ผมหมดที่พึ่งแล้ว จึงได้แต่ขอไว้ ณ ที่นี้ ขอให้ควบคุมการนำรถออกวิ่งในยามวิกาล หรือถ้าจะให้ดี ก็จำกัดการใช้เสียงให้อยู่แต่ในบริเวณงานเท่านั้น ไม่ต้องเอาออกมาวิ่งตามท้องถนนเลย จะเป็นไปได้ไหม?

ป้ายกำกับ: ,

02 ตุลาคม 2551

Khon Kaen Council (cont.)

เขียนเรื่อง ประชุมสภาเมือง ต่อให้จบ มีหัวข้อ 4 เรื่อง คราวที่แล้วเพิ่งเขียนเรื่องแรกเรื่องเดียว

ปัญหาปลาตายในบึงแก่นนคร

ช่วง 30 มิ.ย. - 2 ก.ค. ที่ผ่านมา มีปลาตายในบึงแก่นนครเยอะมาก หลังมีฝนตกหนัก ตามมาด้วยสระที่วัดวุฒาราม

ผลการตรวจสอบโดยนักวิชาการ มข. (วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม, ประมง):

  • BOD สูงกว่าเกณฑ์สำหรับปลาอยู่อาศัย และ OD ต่ำกว่าเกณฑ์
  • มี Algae Boom คือสาหร่ายเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีสารอาหาร เช่น ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส มากเกินไป กลางคืนจะแย่งออกซิเจนจากปลา
  • ปลามีการติดเชื้อปรสิต เช่น เห็บระฆัง ปลิงใส

การแก้ปัญหาของเทศบาล:

  • ฉีดน้ำ EM ลดกลิ่นเน่าเหม็น
  • เติมอากาศ ทั้งที่ผิวน้ำและใต้น้ำ
  • ตรวจสอบและปิดทางระบายน้ำเสียที่ลงสู่บึง
  • ปลูกผักตบชวา เพื่อดูดซับความสกปรก
  • งดตกปลา เพื่อสกัดสารอาหารจากเหยื่อตกปลา
  • ตรวจสอบร้านค้าริมบึง ไม่ให้เทน้ำเสีย น้ำล้างจานลงบึง พร้อมจัดที่ล้างจานให้

นอกจากนี้ก็มีแผนระยะยาวในการหมุนเวียนน้ำ และขุดลอกบึง

ปัจจุบัน สภาพน้ำดีขึ้นแล้ว แต่มีผู้เข้าชื่อร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสมของผู้ตกปลาริมบึง เช่น ทิ้งปลาไม่พึงประสงค์ที่จับได้ไว้ริมฝั่ง ทิ้งให้เน่าเสีย รวมทั้งการใช้เหยื่อตกปลาในบึงปิดทำให้มีการสะสมสารอาหาร ซึ่งจะทำให้เกิด algae boom ได้อีก เทศบาลจึงมาขอมติเพื่อขยายการห้ามตกปลาต่อไปอีก แต่ปรากฏว่ากว่าจะถึงกำหนดเวลาลงมติ ประชาชนก็ทยอยกลับกันมากแล้ว จึงไม่สามารถลงมติได้

ทั้งนี้ ประธานชมรมตกปลาได้มากล่าวแก้ ว่าปลาตายในช่วงฝนตกหนักเป็นเรื่องปกติ ไม่เกี่ยวกับการตกปลา และชมรมฯ จะยื่นข้อเสนอต่อเทศบาล ขอจัดระเบียบการตกปลาเอง

กฎหมายผังเมืองรวม

ผังเมืองรวมเมืองขอนแก่น จัดทำโดยส่วนกลาง คือสำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด และบังคับใช้โดยส่วนราชการส่วนท้องถิ่น คือเทศบาลและ อบต. ที่อยู่ในเขต

ผังเมืองมีระยะเวลาบังคับคราวละ 5 ปี ต่ออายุได้คราวละ 2 ปี ผังเมืองรวมเมืองขอนแก่นฉบับปี 2542 ได้หมดอายุไปแล้วเมื่อปี 2549 และกำลังอยู่ระหว่างกำหนดผังเมืองใหม่

ผังเมืองใหม่ มีการแบ่งโซนการใช้ประโยชน์เป็น 11 แบบ (แทนด้วยสี 11 สี) สำนักโยธาฯ ได้แสดงแผนที่บนสไลด์ แต่สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักโยธาฯ แต่ที่เป็นประเด็นในครั้งนี้ คือเทศบาลได้ทักท้วงเขตสำคัญ ๆ คือ:

  • พื้นที่สีม่วงอ่อน (อุตสาหกรรมเฉพาะกิจ) บริเวณแนวสองฝั่งถนนมิตรภาพตั้งแต่ประตูเมืองไปทางใต้ ได้เพิ่มข้อห้าม "ห้ามประกอบพาณิชยกรรมประเภทอาคารขนาดใหญ่หรืออาคารสูง" ซึ่งขัดกับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในเขตนั้น
  • พื้นที่สีเขียวอ่อน (ที่โล่งเพื่อนันทนาการ) บริเวณริมคลองร่องเหมืองเดิมตลอดแนว ปัจจุบันเทศบาลได้พัฒนาเป็นถนน และมีอาคารร้านค้าอยู่เต็มสองฝั่ง จึงไม่น่าจะบังคับใช้ผังเมืองส่วนนี้ได้ และเสนอให้ยกเลิก
  • ข้อกำหนดในพื้นที่สีแดง/ส้ม/เหลือง (ที่พักอาศัยและพาณิชยกรรม) มีข้อกำหนด "ห้ามซื้อขาย หรือเก็บ เศษวัสดุ" ต้องมีการตีความ ว่าคำว่า หรือเก็บ ที่เพิ่มเข้ามานั้น รวมไปถึงคลังสินค้า หรือที่เก็บเศษวัสดุเหลือของผู้ประกอบการด้วยหรือเปล่า
  • ข้อกำหนดถนนโครงการ ซึ่งบังคับใช้ทันทีในถนนหลายสายที่กำหนด เช่น ศรีจันทร์ อาจต้องเปลี่ยนแปลง (ในผังเมืองเดิมมีการแบ่งเป็นถนนโครงการ [บังคับทันที] กับถนนเสนอแนะ [ให้ปลูกอาคารได้ แต่เวนคืนได้ทันทีที่ต้องการ] แต่ผังเมืองใหม่มีแต่ถนนโครงการอย่างเดียว)
  • ขอปรับการใช้ที่ของการรถไฟ:
    • ที่ริมทางรถไฟฝั่งที่ติดถนน ปัจจุบันได้สร้างอาคารห้องแถวอยู่ชิดริมถนนซึ่งคับแคบอยู่แล้ว โดยมีทางเท้าเหลือเพียงแคบ ๆ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าจะขยายมายังส่วนที่เหลือ ที่ปัจจุบันเป็นทิวสน จึงควรกำหนดการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่เหลือไว้
    • พื้นที่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ ปัจจุบันส่วนหนึ่งกลายเป็นตลาดรถไฟ ซึ่งสภาพค่อนข้างแย่ และน่าเป็นห่วงว่าจะขยายมายังส่วนที่เหลือ และทำให้เสียภูมิทัศน์ที่จะปรากฏต่อผู้เดินทางทางรถไฟที่จะเข้าเมืองขอนแก่น จึงควรกำหนดไว้ด้วย

เรื่องผังเมืองมีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่เวลาอภิปรายถูกประเด็นน้ำท่วมกินไปเสียเยอะ จึงไม่ได้ข้อสรุปอะไร นายกเทศมนตรีรับว่าต้องยกไปครั้งหน้า อย่างไรก็ดี มีข้อเสนอจากกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ประชุมกัน และรวบรวมยื่นต่อเทศบาล

ผลการศึกษาการสร้างระบบขนส่งมวลชน

จากที่ได้ประกาศเริ่มศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบเพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองขอนแก่นไปเมื่อปีที่แล้ว (blog เก่า) ตอนนี้ คณะทำงานของ มข. ได้สรุปเป็นแผนแม่บทมาเสนอคือ

  • สรุปว่า BRT (Bus Rapid Transit) แบบระดับพื้นดิน เหมาะสมที่สุด เพราะค่าใช้จ่ายไม่มาก ใช้เวลาน้อย แต่รับส่งคนได้มีประสิทธิภาพไม่แพ้แบบอื่น (รถไฟรางเบา, รถไฟรางหนัก)
  • ใช้ NGV
  • มีรถสองขนาด 12 ม. (จุ 60-80 คน) ใช้วิ่งในเมือง และ 18 ม. (จุ 120-160 คน) ใช้วิ่งนอกเมือง
  • เสนอเส้นทาง 5 สาย
    • สายสีเหลือง (สินไซ) วิ่งแนวตะวันตก-ตะวันออก จากหมู่บ้านเดชา แวะท่าอากาศยานขอนแก่น วิ่งตามถนนมะลิวัลย์มาแยกสามเหลี่ยม เลี้ยวมาแยกประตูเมือง แล้ววิ่งตามถนนศรีจันทร์มาจนถึงหนองใหญ่ วัดป่าแสงอรุณ
    • สายสีแดง (สีโห) วิ่งแนวเหนือ-ใต้ จากหนองกุง วิ่งตามถนนมิตรภาพ แวะเข้า มข. ผ่านคอมเพล็กซ์และสนามกีฬา แล้วกลับมาถนนมิตรภาพ วิ่งตรงมาจนถึงห้างโลตัส
    • สายสีชมพู (สังข์) วิ่งเป็นวงกลมในเมือง จากแยกสามเหลี่ยม มาแยกประตูเมือง ศาลหลักเมือง สถานีรถไฟ ถนนรื่นรมย์ แฟรี่พลาซ่า ร.ร. สวนสนุก กัลยาณวัตร สถานีปรับอากาศ ร.ร. อนุบาลขอนแก่น บขส. สามเหลี่ยม
    • สายสีน้ำเงิน (วรุณนาค) วิ่งแนวตะวันตก-ตะวันออก จากสี่แยก ร.8 ตรงเข้าบ้านหัวทุ่ง คำไฮ แยกประตูเมือง เลี้ยวไปแยกสามเหลี่ยม เข้า บขส. ร.ร. อนุบาลขอนแก่น แล้วตรงตามถนนประชาสโมสรต่อไปจนบรรจบกับถนนศรีจันทร์ที่บ้านหนองใหญ่
    • สายสีเขียว (พระอินทร์) วิ่งจากบ้านศิลา ผ่านค่ายศรีพัชรินทร์ ตรงมาเลี้ยวเข้าถนนหลังศูนย์ราชการ ถนนกลางเมือง ผ่านศาลากลาง ร.ร. อนุบาลขอนแก่น สถานีปรับอากาศ กัลยาณวัตร ร.ร. สวนสนุก เลี้ยวขวาเข้าถนนนิกรสำราญ เลี้ยวซ้ายถนนหน้าเมือง เลี้ยวขวาเข้าถนนเหล่านาดีไป ร.ร. แก่นนคร ข้ามแยกเจริญศรี ตรงไปจนถึงน้ำต้อน
  • สถานีจอดแล้วจรที่สี่มุมเมือง
  • สถานีผู้โดยสารแต่ละแห่ง ออกแบบโดยแฝงสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมท้องถิ่น

มีประเด็นขัดแย้งจากบริษัทสองแถวเดิมซึ่งได้รับผลกระทบ ตัวแทนตั้งคำถามว่าการทำเส้นทางวิ่งทับเส้นทางที่ได้รับสัมปทานอยู่ก่อนแล้ว ผิดกฎหมายหรือไม่ และหากจะทำระบบใหม่จริง ทางบริษัทฯ ไม่ขัดขวาง แต่จะขอให้เทศบาลช่วยซื้อกิจการเดิมไปบริหารต่อด้วย เพราะผู้ประกอบการเดิมจะเลิกทำ (เอ.. มันเอารถระบบเก่ามา feed คนเข้าระบบใหม่ไม่ได้เหรอ ตามตรอกซอกซอยหรือนอกเมืองที่ระบบใหม่เข้าไม่ถึงน่ะ)

จบละ ประเด็นหลัง ๆ นี่ ข้อเสนอแนะไม่ค่อยมาก เพราะเวลาเหลือน้อย

ป้ายกำกับ:

01 ตุลาคม 2551

Khon Kaen Council

เมื่อวานแว้บไปสังเกตการณ์การประชุมสภาเมืองขอนแก่นในฐานะประชาชนทั่วไป โชคดีที่นี่ไม่ใช่ barcamp ผมเลยนั่งสังเกตการณ์รูปแบบการประชุมเงียบ ๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องพูดในการเข้าครั้งแรก

เพิ่งรู้ว่านี่เพิ่งเป็นการประชุมสภาเมืองครั้งที่ 2 เท่านั้น เพราะผมได้ยินทางเทศบาลนครขอนแก่นอ้างถึงสภาเมืองบ่อยมาก จนนึกว่ามีการประชุมมาแล้วหลายครั้ง แต่เอาเถอะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า

ประเด็นการประชุมครั้งนี้มี 4 เรื่อง คือเรื่องปัญหาน้ำท่วม ปัญหาปลาตายที่บึงแก่นนคร พรบ. ผังเมืองรวม และผลการศึกษาเรื่องการสร้างระบบขนส่งมวลชนในขอนแก่น

ปัญหาน้ำท่วม

เทศบาลได้อธิบายอย่างละเอียดถึงทางเดินของน้ำในระบบระบายน้ำของขอนแก่น และสิ่งที่เทศบาลได้ทำไปเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำที่หลากมาในช่วงนี้

สภาพภูมิศาสตร์ของตัวเมืองขอนแก่น เป็นที่สูงทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ (บริเวณ มข.) และลาดลงต่ำทางฝั่งตะวันออก โดยมีทางน้ำเชื่อมต่อไปสู่แม่น้ำธรรมชาติอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ คือจากบึงทุ่งสร้างผ่านห้วยพระคือไปลงลำน้ำพอง นอกจากนี้ก็มีแหล่งน้ำธรรมชาติ 3 แห่ง คือบึงหนองโคตรทางตะวันตกเฉียงใต้ บึงแก่นนครทางตะวันออกเฉียงใต้ และบึงทุ่งสร้างทางตะวันออกเฉียงเหนือ


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

ด้วยสภาพอย่างนี้ น้ำทั้งหมดในเมืองจึงระบายออกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือทางเดียว โดยอาศัยบึงทุ่งสร้างเป็นแหล่งพัก โดยในส่วนอื่นของเมือง ก็จะมีระบบทางระบายน้ำที่นำน้ำมารวม โดยอาศัยบึงแก่นนครช่วยเป็นแก้มลิงเล็กน้อย ซึ่งเท่าที่จับใจความได้คือ

  • ทางตะวันตกเฉียงเหนือ (มข.) น้ำจะมารวมกันที่อาคารชลศาสตร์ แล้วไหลลอดใต้ถนนมิตรภาพไปทางตะวันออก ไปรวมกับน้ำของโซนตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านท่อใต้ถนนหลังศูนย์ราชการ ถนนจอมพล ไปสู่บึงทุ่งสร้าง
  • อีกทางหนึ่ง น้ำจากใน มข. ทางฝั่งใต้ จะมารวมกันที่บึงหนองเอียด แล้วลอดใต้ถนนมะลิวัลย์ไปรวมกับน้ำในโซนตะวันตกเฉียงใต้
  • น้ำในโซนตะวันตกเฉียงใต้ ไม่ได้อาศัยบึงหนองโคตรซึ่งอยู่ทางตะวันตกช่วยได้นัก แต่น้ำจะไหลผ่านคลองระบายมารวมกันบริเวณหลัง รพ. ขอนแก่นราม แล้วลอดใต้ถนนมิตรภาพ แต่ฝั่งตรงข้ามเป็นที่เอกชน (สถานที่สร้างเซ็นทรัล) จึงต้องหักหลบมาลอดใต้ถนนศรีจันทร์ตรงแยกประตูเมือง ซึ่งเทศบาลได้ขุดถนนวางท่อสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่รองรับไว้แล้วตั้งแต่หน้าแล้ง น้ำในส่วนนี้จะไปลงคลองร่องเหมือง ซึ่งเป็นทางน้ำหลักของตัวเมืองในโซนตะวันออกเฉียงใต้
  • ตัวเมืองเก่าในเขตบึงแก่นนครซึ่งอยู่ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ จะมีทางระบายน้ำลงสู่บึง โดยปัจจุบันมีระบบแยกน้ำดีน้ำเสีย (เข้าใจว่าน้ำดีหมายถึงน้ำฝนจากถนน น้ำเสียคือน้ำจากบ้านเรือน) และระบายเฉพาะน้ำดีลงบึง ส่วนน้ำเสีย เข้าใจว่าใช้ระบบเดียวกับในตัวเมือง คือไปลงคลองร่องเหมือง
  • ส่วนอื่น ๆ ของเมืองในโซนตะวันออกเฉียงใต้ จะระบายน้ำลงทางคลองร่องเหมือง เพื่อนำน้ำไปสู่บึงทุ่งสร้าง โดยคลองร่องเหมือง มีทางน้ำเชื่อมสู่บึงแก่นนครด้วย ซึ่งจะสามารถใช้เป็นทางทดน้ำไปพักที่บึงแก่นนครบางส่วนในกรณีที่น้ำมาก (ซึ่งน้ำฝนช่วยเจือจางน้ำเสีย ทำให้น้ำที่ลงบึงไม่สกปรกมาก) และใช้ถ่ายน้ำออกจากบึงรอไว้ก่อนฝนมา เพื่อให้มีที่ว่างรองรับน้ำ รวมทั้งหลังฝนหยุดเพื่อปรับระดับน้ำสู่ระดับปกติ

คลองร่องเหมืองนี้ เป็นทางน้ำโบราณ รวมทั้งทางน้ำที่เชื่อมกับบึงแก่นนครก็เช่นกัน ปัจจุบันเทศบาลได้ปรับคลองนี้ตลอดสาย โดยขุดวางท่อน้ำแล้วสร้างถนนคอนกรีตทับ โดยได้ใช้ท่อสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อการใช้พื้นที่หน้าตัดอย่างเต็มที่

น้ำจากในเมืองที่ไปรวมที่บึงทุ่งสร้าง จะมีสถานีบำบัดน้ำเสียก่อนระบายออกนอกตัวเมืองต่อไป

ปัญหาน้ำท่วมพบว่ามีหลายสาเหตุ สาเหตุหลักคือน้ำฝนมากผิดปกติ แต่ก็มีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการระบายน้ำ:

  • ทางน้ำตื้นเขิน ซึ่งเทศบาลได้เตรียมรับมืออยู่ตลอด ด้วยการขุดลอกบ่อย ๆ อยู่แล้ว
  • ขยะอุดตันท่อ แก้ไขด้วยการเปิดฝาตะแกรงเก็บขยะ และสร้างวินัยการทิ้งขยะของคนเมือง แต่อีกสาเหตุหนึ่งคือ น้ำแรงทำให้ถังขยะลอยและล้ม
  • การถมที่ของเอกชน ทำให้ทางน้ำเปลี่ยน จุดที่ไม่เคยท่วมก็เริ่มท่วม และเทศบาลก็ต้องจัดการทางน้ำใหม่ตามทางน้ำที่เปลี่ยนไป เรื่องนี้ยังควบคุมด้วยเทศบัญญัติไม่ได้ เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจตามกฎหมาย
  • ทางระบายน้ำลงสู่แม่น้ำมีคอคอดในบางจุด โชคดีที่จุดนั้นฝั่งหนึ่งเป็นที่ราชการ สามารถประสานงานขอขุดขยายคลองได้
  • ชุมชนทางท้ายน้ำไม่ยอมให้เปิดประตูระบายน้ำ เพราะไม่ต้องการให้ท่วมชุมชนตัวเอง อาจต้องจัดการทางน้ำให้ระบายลงแม่น้ำได้เร็วขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบชุมชนท้ายน้ำ
  • บางจุดต้องการความร่วมมือจากเทศบาลข้างเคียง เช่น บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งยังมีที่ว่างรองรับน้ำได้อยู่ไกลออกไปทางตะวันตก หรือแม้แต่ใช้บึงหนองโคตร แต่อยู่นอกเขตรับผิดชอบของเทศบาลนครขอนแก่น ต้องเจรจากับเทศบาลตำบลบ้านเป็ด หรือจะเป็นการทะลวงทางระบายน้ำทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งต้องประสานงานกับเทศบาลตำบลพระลับ

ความเห็นบางส่วนที่มีผู้เสนอแนะ:

  • เกี่ยวกับการเพิ่มทางระบายน้ำ:
    • ดักน้ำตามวงแหวนรอบนอกไม่ให้เข้าตัวเมือง โดยยกเทศบาลนครอุดรธานีเป็นตัวอย่าง เทศบาลตอบว่า ปัญหาคือวงแหวนที่ว่านี้ สำหรับขอนแก่นแล้วเป็นวงที่ใหญ่มาก เพราะอยู่ไกลออกไปนอกเมือง ซึ่งอาจไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
    • เพิ่มช่องทางระบายน้ำไปลงแม่น้ำชีที่กุดกว้าง โดยขอใช้ที่ของการรถไฟ ข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่าเทศบาลตอบอย่างไร เนื่องจากเริ่มค่ำแล้ว ต้องตอบแบบรวบรัด
    • เพิ่ม flood way ระบายน้ำออกทางท้ายฝายมหาสารคาม
    • ใช้บึงหนองโคตรให้เป็นประโยชน์ โดยอาจเพิ่มทางระบายน้ำไปลงแม่น้ำที่แก่งน้ำต้อน
  • เกี่ยวกับแก้มลิง:
    • ขุดลอกบึงทุ่งสร้างเอาเนินต่าง ๆ ออก เพื่อเพิ่มความจุ โดยถ้างบไม่พอ ก็อาจประหยัดด้วยการให้เอกชนขุดดินไปขายได้
    • มข. สละเนื้อที่ทำแก้มลิง เช่น ที่หลังวัดป่าอดุลย์ เพื่อสกัดน้ำบางส่วนที่จะเข้าสู่ตัวเมือง
    • ทำแก้มลิงโดยเฉพาะที่บริเวณที่ว่างข้างหมู่บ้านมิตรสัมพันธ์
  • อื่น ๆ :
    • จ้าง มข. วิจัยระบบควบคุมน้ำ เหมือนที่วิจัยระบบจราจร
    • ทุบถนนเหนือคลองร่องเหมือง ทำเป็นคลองเปิดเหมือนเดิม (เสียงจากคนข้างคลองที่เดือดร้อน)

ยาวแล้ว นี่เพิ่งเรื่องเดียวเองเหรอเนี่ย.. เป็นการประชุมที่มาราธอนจริง ๆ

ป้ายกำกับ:

15 ธันวาคม 2550

Dragon and Lion Dance Invitation Tournament 2007

พร้อม ๆ กับซีเกมส์ที่โคราช เมื่อ 13-14 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีการแข่งขันกีฬามังกรสิงโตนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ที่จังหวัดขอนแก่น

การแข่งขันมีนักกีฬาจาก 7 ประเทศ/เขตการปกครองเข้าแข่งขัน คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และไทย จัดการแข่งขันทั้งหมด 4 ประเภท คือสิงโตค่ายกล, มังกรเก้าเซียน back light (กลางคืน), สิงโตตอดอกเหมย และมังกรเก้าเซียนกลางวัน

มีกีฬานานาชาติที่บ้านทั้งที เลยตามไปเก็บรูปไว้ สถานที่แข่งขันคือลานหน้าศาลหลักเมืองขอนแก่นที่เพิ่งสร้างขึ้นแทนที่ศาลหลักเมืองเดิม ถือว่าได้มังกรและสิงโตมาร่วมสมโภชศาลหลักเมืองใหม่ไปในตัว จะมีก็แต่มังกรกลางคืนที่ต้องการความมืด จึงไปแข่งที่สนามกีฬาในร่มของจังหวัด

กีฬามังกรสิงโต 2007

ผลการแข่งขันครั้งนี้ มาเลเซียซึ่งเป็นเจ้ากีฬานี้กวาดรางวัลไปตามระเบียบ:

ประเภท ชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ 1 รองชนะเลิศอันดับ 2
สิงโตค่ายกล มาเลเซีย ฮ่องกง ไทย
มังกรกลางคืน มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน
สิงโตตอดอกเหมย มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย
มังกรกลางวัน ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย

ทีมไทย ส่งประเภทละ 2-3 ทีม โดยมีทีมจากชมรมกีฬาสิงโต-มังกร กังปัก และทีมจากชมรมลูกเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น ที่ได้รางวัลเป็นทีมจากลูกเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่นทั้งหมด

รูปแบบการแข่งขัน เขาให้คะแนนกันเหมือนยิมนาสติกเลยละ มีกรรมการจาก 7 ชาตินั่งแยกกันให้คะแนน แล้วก็มีกรรมการกลางคอยรวมคะแนน และให้คะแนนภาพรวมด้วย ดูมีกติกาและมาตรฐานดีพอสมควร ยินข่าวว่าจะได้บรรจุใน Asian Indoor Games เร็ว ๆ นี้ด้วย

ในบรรดาการแข่งขันประเภทต่าง ๆ มังกรกลางคืนนับเป็นสิ่งที่แปลกตาที่สุด ยังไม่เคยเห็นมาก่อน และทำให้ได้รู้ว่า การแห่มังกรสิงโต ตอนนี้กลายเป็นกีฬาที่มีกฎกติกาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แต่ละชาติก็พยายามพัฒนามาตรฐานของตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง

ป้ายกำกับ: ,

02 พฤศจิกายน 2550

Khon Kaen Transit

วันนี้ตอนบ่ายมีเฮลิคอปเตอร์บินวนในตัวเมืองขอนแก่น เป็นการถ่ายภาพจำลองเหตุการณ์รถติดในระดับที่คล้ายที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ จากการประเมินความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี โดยเทียบเนื้อที่ถนนที่ใช้ ระหว่างรถยนต์ 80 คัน กับการเอาคนออกจากรถมาปั่นจักรยาน และกับเนื้อที่ที่รถเมล์ใช้ (ใช้รถทัวร์แทนรถเมล์แบบ BRT) พร้อมทั้งวัดระดับมลพิษเทียบกันให้เห็นจะจะ

จากนั้นเป็นการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างเทศบาลนครขอนแก่น, สนข., สภอ. ขอนแก่น, และมหาวิทยาลัยขอนแก่น กับการจัดทำแผนแม่บท และศึกษาความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น เพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองขอนแก่น

เว็บไซต์ เขาก็มีนะครับ นับว่าขอนแก่นเป็นจังหวัดที่สอง ต่อจาก เชียงใหม่ ที่มีการศึกษาวางแผนสร้างระบบขนส่งมวลชนในภูมิภาค ตามอ่านทางเชียงใหม่ ดูเขาจะเลือกระบบ BRT (bus rapid transit) แบบที่จะทำที่กรุงเทพฯ ไปแล้ว ส่วนขอนแก่นเพิ่งออกสตาร์ท

นอกจากนี้ คงจะมีการรณรงค์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางของชาวเมืองด้วย เช่น ส่งเสริมการปั่นจักรยาน การเดินเท้าเท่าที่ทำได้ การใช้ขนส่งมวลชนให้มากขึ้น การเคารพกฎจราจร การเตรียมพื้นที่จอดรถ ฯลฯ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ คงอยู่ในเนื้อหาที่จะถกกันในสภาเมือง

งานนี้น่าสนนะ เข้าแก๊ปเรื่องที่ผมสนใจเอามาก ๆ และนายกเทศมนตรีก็เลือกเอาภาวะน้ำมันแพง และการประเมินเชื้อเพลิงฟอสซิลหมดโลก มาเป็นจังหวะในการรณรงค์ได้เหมาะเจาะดี

ติดแต่ว่า ดูจะอ่อนประชาสัมพันธ์ไปไหม? ท่านแถลงข่าวจริงจังมาก แต่ผู้เข้าฟังมีแต่กลุ่มผู้นำชุมชนกับสื่อมวลชนเท่านั้น ทุกคนใส่เสื้อเหลืองกันหมด จนทำเอาชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่กล้านั่งดูนั่งฟังด้วย (แต่ผมด้านไปนั่งหัวโด่เสื้อไม่เหลือง ใครจะทำไม)

ได้แต่ฝากความหวังไว้กับสื่อมวลชนท้องถิ่นที่เข้าฟัง ว่าจะกระจายข่าวไปให้ทั่วถึง (และหวังว่าชาวบ้านจะยังติดตามข่าวท้องถิ่นอยู่ ไม่ใช่ดูแต่ทีวีกรุงเทพฯ) และหวังว่าระลอกต่อไป จะดูจริงจังกว่านี้

ป้ายกำกับ:

hacker emblem