เลือกตั้งสี่เก้า
อีกห้าวันจะถึงวันกำหนดเลือกตั้ง และวันนี้คงเป็นโอกาสสุดท้ายของผมที่จะได้เขียน blog เรื่องนี้ ก่อนวันเลือกตั้ง ขอเขียนอะไรหน่อยน่ะ
เลือกตั้งครั้งนี้ มีนัยที่ไม่เหมือนเลือกตั้งปกติ รักษาการนายกฯ มองว่า เป็นการคืนอำนาจตัดสินให้ประชาชน ในขณะที่ฝ่ายค้าน มองว่าเป็นการฟอกตัวของรักษาการนายกฯ เพื่อกลับมาอย่างไร้มลทิน
ผมกลับรู้สึกว่า มันคนละเรื่องกันเลย ประชาชนมีอำนาจอะไรในการตัดสินคดีความต่างๆ ของรักษาการนายกฯ แทนที่จะใช้อำนาจศาลหรือการซักฟอกในรัฐสภา รักษาการนายกฯ จะให้ประชาชนตัดสินงั้นหรือ? ประชาชนมีหน้าที่เลือกผู้แทนไปทำหน้าที่นิติบัญญัติ ตรวจสอบรัฐบาล ไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินคดีความ ดังนั้น ที่บอกว่าให้ยอมรับผลการเลือกตั้ง ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันยังไง เราคงยอมรับการเลือกตั้งได้ ถ้าไม่เอาไปเกี่ยวโยงกับข้อกล่าวหาต่างๆ มิฉะนั้น ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร นอกจากการใช้ "กฎหมู่ประชาธิปไตย" ในการตัดสินปัญหา
เลือกตั้งครั้งนี้ เลือกกันไปเถอะ แต่อย่าเอามาเป็นคำพิพากษารัฐบาลเก่าเลย แม้ผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร กระบวนการตรวจสอบก็ต้องเป็นไปอย่างเดิม ทั้งเรื่องที่จะขึ้นศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่ ปปช. จะดำเนินการ การรวบรวมรายชื่อประชาชนของ มธ. ก็ต้องไม่สูญเปล่า
และเห็นว่า ควรแยกการคัดค้านหรือสนับสนุนรัฐบาลกับการเลือกตั้งออกจากกัน คนคัดค้านรัฐบาล ก็ออกเสียงไม่สนับสนุนผู้สมัครได้ ให้เห็นเป็นประวัติการณ์ไปเลย ว่าเลือกตั้งครั้งนี้ มีคนไม่พอใจรัฐบาลแค่ไหน ถึงรัฐบาลเก่าจะกลับมาได้อีก และดิ้นรนจนเปิดสภาพรรคเดียวได้ แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกระบวนการตรวจสอบเลย คุณจะอ้างผลการเลือกตั้งเหมือนอ้าง 19 ล้านเสียง ว่าทำให้คุณพ้นผิด เท่ากับคุณใช้กฎหมู่แล้วละ หรือถ้าอีกฝ่ายจะอ้างเสียงไม่สนับสนุนที่มีท่วมท้น แปลว่ารัฐบาลเก่าผิด ก็ไม่ต่างอะไรกัน
การตรวจสอบต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไรก็ตาม!
และไม่เห็นด้วย กับการเร่งรัดของกลุ่มพันธมิตรฯ จนถึงขั้นถวายฎีกา ประชาธิปไตยควรมีทางออกของมันเอง ถ้าประเทศชาติจะเสียหายเพราะนโยบายรัฐบาล ก็ปล่อยให้เรื่องมันแดงขึ้นมาเลย สังคมไทยต้องป่วย จึงจะมีภูมิคุ้มกันต่อโรค "19 ล้านเสียง" อย่างถาวร มิฉะนั้น ก็จะมีข้ออ้าง ว่ามันพังเพราะ "พวกป่วนเมือง" อยู่นั่นแหละ