Theppitak's blog

My personal blog.

12 กรกฎาคม 2547

สิ้นสุดกันที

กลั้นใจตรวจเอกสารขั้นสุดท้ายจนเสร็จ ตรวจเสร็จแล้ว เกิดแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้า ที่จะแปลข้อเขียน We Can Put an End to Word Attachments (เราหยุดการแนบไฟล์เวิร์ดได้) รวดเดียวจบ ไว้เดี๋ยวตรวจคำแปลอีกรอบค่อยส่งให้ FSF ถือเสียว่า ได้ปลงอาบัติแล้ว ☺

8 ความเห็น:

  • 13 กรกฎาคม 2547 เวลา 12:56 , Anonymous ไม่ระบุชื่อ แถลง…

    ขออนุญาต ไม่เห็นด้วย กับ ความคิดเริ่มต้น ของ fsf เนื่องจาก มีลักษณะเข้าข่าย
    ไม่เสรี ในการเลือกใช้ format ของเอกสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ OO.o
    สามารถเปิดไฟล์ของ microsoft ได้แล้ว (ในทางกลับกัน ที่ microsoft กลับ
    เปิด native OO.o ไม่ได้)

     
  • 13 กรกฎาคม 2547 เวลา 13:26 , Blogger Thep แถลง…

    ขออนุญาต ชี้แจงเช่นกัน ว่าการรณรงค์นี้ ไม่ได้มุ่งให้หันมาใช้ OO.o เพียงแต่ให้ลดการใช้ Word attachment เท่านั้น โดยเฉพาะในอีเมล การรณรงค์นี้เกิดขึ้นเพราะมีผู้ใช้จำนวนมากเข้าใจไปว่า Word คือโปรแกรมเดียวที่ใช้เขียนเอกสารได้ ทั้งที่บางเรื่อง แค่ Notepad ก็เพียงพอแล้ว ก็ยังใช้ Word จึงมุ่งรณรงค์เรื่องการใช้ plain text แทนในกรณีที่ทำได้มากกว่า หรือถ้าใช้ HTML หรือ PDF แทนได้ก็ยังดี

    ส่วนประเด็นเรื่อง การที่ปัจจุบัน OO.o เปิดไฟล์ Doc ได้นั้น ในข้อเขียนดังกล่าวก็ได้พูดไว้ชัดเจน ว่ามันไม่ได้รับประกันเลย ว่าถ้าเวิร์ดรุ่นหน้าออกมาอีก OO.o จะยังเปิดได้ (บางครั้ง แม้แต่ Word ด้วยกันยังเปิดข้ามรุ่นกันไม่ได้เลย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีแนวโน้มว่า Word format รุ่นหน้าที่ MS กำลังทำอยู่นั้น จะมีระบบ DRM ที่ทำให้ free software ไม่สามารถอ่านเอกสาร Word ได้อย่างสิ้นเชิง รวมทั้งการใช้ส่วนขยาย XML ที่มีสิทธิบัตร ตรงนี้ คือส่วนหนึ่งของข้อสรุปในข้อเขียนข้างต้นที่ว่า "... Managing to read the file is treating a symptom of a chronic illness. To cure the illness, we must convince people not to send or post Word documents. ..." (การจัดการเพื่ออ่านไฟล์ให้ได้ เป็นแค่การรักษาอาการของโรคที่เรื้อรัง การที่จะรักษาโรคให้หายนั้น เราต้องโน้มน้าวผู้คนไม่ให้ส่งหรือโพสต์เอกสารเวิร์ด)

    รายละเอียด กรุณาอ่านได้ในข้อเขียนข้างต้นครับ

     
  • 13 กรกฎาคม 2547 เวลา 15:56 , Blogger Beamer User แถลง…

    เห็นด้วยกับเทพน่ะ เพราะหงุดหงิดทุกทีที่เจอไฟล์ .ppt กับ .doc
    ส่วนตัวไม่ได้อะไรกับ FS เลย แต่มันเสียเวลาโหลด แล้วก็ใหญ่
    มากด้วย เอกสารไรว่ะ เนื้อหานิดเดียวขนาดเป็นหลายร้อย k

     
  • 14 กรกฎาคม 2547 เวลา 12:56 , Anonymous ไม่ระบุชื่อ แถลง…

    ถ้าจะ anti proprietary file งั้นต้องระบุ ให้ชัดเจน ไม่ใช่ระบุ แค่ คำว่า word เพราะเป็นการ anti microsoft โดยเฉพาะ มากกว่า ที่จะทำให้เกิดเสรีภาพ (ผมเคยเห็นตัวอย่างของ บาง web ตั้งใจ anti microsoft มากเกินไป
    โดยใช้ file format ของ OO.o โดยเฉพาะ)

    หมายเหตุ: microsoft word สามารถ save ให้มีขนาดเล็กลงได้ โดยยกเลิก
    ตัวเลือก quick save ออกเท่านั้นเอง ส่วน microsoft power point ไม่ใหญ่เลยครับ ถ้าไม่ใส่ รูปมากเกินไป

     
  • 14 กรกฎาคม 2547 เวลา 16:47 , Blogger Beamer User แถลง…

    ผมทำโปสเตอร์ขนาด A0 มีรูปเยอะแยะ ด้วย LaTeX
    ขนาดแค่ 70k เอง

     
  • 14 กรกฎาคม 2547 เวลา 21:38 , Blogger Thep แถลง…

    มีตรงไหนที่บอกว่า anti proprietary โดยทั่วไปงั้นหรือครับ? เราไม่จำเป็นต้องเหวี่ยงแหครอบจักรวาล ปัญหาอยู่ที่ตรงไหน ก็แก้แค่ตรงนั้น ไม่งั้นก็จะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มเสียเปล่าๆ

    ทำไมจึงเจาะจงแค่ Word? เพราะ proprietary format อื่น ไม่ได้ก่อปัญหาเท่ากับ Word เพราะจะว่าไป PDF ก็เป็น proprietary ของ Adobe เหมือนกัน แต่ทำไมเขาไม่มีปัญหา? เพราะเขาเปิดเผย spec และเชื้อเชิญให้ทุกคนใช้กันให้เป็นมาตรฐาน แต่ Word ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น มันกลายเป็นมาตรฐานไป ก็เพราะการปฏิบัติของ user เองต่างหาก

     
  • 15 กรกฎาคม 2547 เวลา 12:37 , Anonymous ไม่ระบุชื่อ แถลง…

    ถ้า word ไม่เกี่ยวกับ anti proprietary ก็คงเป็น anti microsoft (สังเกตจาก หลาย ๆ comment ใน article มักจะโจมตีที่ชื่อบริษัท)

    ผมสังเกตุเองว่า ถ้าใช้ file format ที่มีโปรแกรมใน linux สามารถเปิดได้จะ
    ไม่มีปัญหาเท่าไร ถึงแม้ว่า ตอนที่ทุกคนได้ไฟล์ไปแล้วยังไม่มีโปรแกรมติดตั้งอยู่ ทุกคน
    ก็จะหาโปรแกรมมาติดตั้งภายหลัง เรื่องนี้สามารถเรียกได้ว่า เป็นความเห็นเฉพาะกลุ่ม (linux) หรือไม่

    ถ้าสักวัน มีคนฮิตใช้ latex ส่งข้อมูลเป็นหลัก และแพร่ออกไป อาจจะมีคน anti latex หรือไม่

     
  • 15 กรกฎาคม 2547 เวลา 15:02 , Blogger Thep แถลง…

    keyword มันอยู่ที่คำว่า "มาตรฐานเปิด" นะครับ ไม่ใช่อยู่ที่ "ลินุกซ์" ทำไม plain text ถึงยอมรับได้ อันนี้ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ? ทำไม HTML ถึงยอมรับได้ เพราะ HTML เป็นมาตรฐานอินเทอร์เน็ต มีองค์กรกลางคือ W3C ดูแล ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ส่วน PDF ถึงแม้จะเป็น proprietary ของ Adobe แต่ Adobe เปิดเผย spec เต็มที่ (พูดไปแล้ว) ดังนั้น OS ใดๆ ในโลกนี้ก็มีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะ implement format เหล่านี้ ไม่ใช่เฉพาะลินุกซ์หรือวินโดวส์

    ส่วน Word ล่ะ เป็นยังไง? spec ไม่ได้เปิดเลย อย่าว่าแต่จะเป็นมาตรฐานสากล แถมยังมีแนวโน้มพยายามกีดกันไม่ให้คนอื่นอ่านอีกต่างหาก (พูดไปแล้ว) ที่ซอฟต์แวร์เสรีอ่านกันได้นั้น ทั้งหมดเป็นการ reverse engineering เอา ซึ่งย่อมได้ไม่ครบเท่ากับที่ไมโครซอฟท์เขียนเอง แถมไมโครซอฟท์ยังสามารถเปลี่ยนฟอร์แมตตามใจชอบได้ โดยไม่ต้องฟังความเห็นจากใครๆ อย่างนี้แล้ว ยังยุติธรรมอยู่หรือ ที่ผู้ใช้วินโดวส์และไมโครซอฟท์ออฟฟิศจะยัดเยียดให้คนอื่นใช้ตาม?

    anti ไมโครซอฟท์หรือเปล่า? ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เพราะสิ่งที่เราต่อต้านคือการยัดเยียดมาตรฐานปิดในที่สาธารณะ ถ้า Word document กลายเป็นมาตรฐานเปิดเหมือน PDF ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ก็คงจะเหลือเพียงประเด็นเรื่องการรณรงค์ให้ใช้ plain text ที่ประหยัดเนื้อที่กว่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งตรงนี้ ประโยชน์ย่อมมีอยู่ แม้จะเทียบกับการใช้ฟอร์แมตเปิดอย่าง HTML หรือ PDF ก็ตาม

    อันที่จริง ถ้าจะพูดถึงมาตรฐานเปิดของไมโครซอฟท์ เรายังพอยอมรับ RTF ของไมโครซอฟท์อยู่ เพราะไมโครซอฟท์เปิดเผย spec ของ RTF แต่ปัญหาของ RTF ก็ยังคงมีอยู่ ตรงที่ RTF ฉบับที่เปิดนั้น เป็นรุ่นเก่ามาก ซึ่งความสามารถยังไม่เท่า .doc ของเวิร์ดรุ่นล่าสุด ซึ่งเมื่อผู้ใช้ convert มา ก็ยังมี loss อยู่

     

แสดงความเห็น (มีการกลั่นกรองสำหรับ blog ที่เก่ากว่า 14 วัน)

<< กลับหน้าแรก

hacker emblem