Firefox Saga
เรื่องเครื่องหมายการค้า Firefox "เป็นเรื่อง" ขึ้นมา เมื่อมี ภาพถ่าย จากบูธ debian ในงานคอมพ์งานหนึ่ง ที่บังเอิญไปตั้งชนกับบูธ Mozilla พอดี เป็นรูปขีดฆ่าโลโก้ Firefox ข้างๆ กับโลโก้ใหม่ของ IceWeasel
มี DD บางคน บ่น เรื่องภาพพจน์ของ Debian ว่าเริ่มแย่ แต่ก็มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ เล่าเรื่อง ให้ฟัง ประมาณว่าคนจาก Mozilla เข้ามาหาเรื่อง โดยมาเขียนต่อเติมแล้วถ่ายภาพลง blog และในงานก็มีการถามไถ่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเครื่องหมายการค้าอย่างกว้างขวาง โดยมีคำอธิบายจากทั้งสองฝ่าย โดยที่น่าแปลกใจก็คือ Mozilla ปฏิเสธแม้กระทั่งแนวคิดเรื่องให้ Debian ทำ "Community Edition"
Lucas Nussbaum เล่าเหตุการณ์ โดยเก็บข้อมูลจากมุมมองของ Mozilla บอกว่า Mozilla จำเป็นต้องปกป้องภาพพจน์ของ Firefox โดยไม่สามารถยกเว้นใครเป็นกรณีพิเศษได้ ประเด็นเรื่อง security maintenance นั้น distro ต่างๆ ควร update branch ตาม Mozilla แม้ใน stable release (เรื่องนี้คงยาก ถ้าจะให้ Firefox เป็นข้อยกเว้นในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน) และในแง่ประเด็นทางเทคนิค Mozilla อ้างว่า Debian ได้ส่งแพตช์ขนาด 100,000 บรรทัดไปให้ตรวจสอบก่อน release (เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า Debian ก็พยายามทำตามเงื่อนไขเครื่องหมายการค้าอยู่) ซึ่ง Mozilla บอกว่าเป็นแพตช์ที่ "ไร้ประโยชน์" และ break frozen API ซึ่งทำให้ extention หลายตัวทำงานไม่ได้ และทำให้มี bug report แปลกๆ จากผู้ใช้ Debian มากมาย ซึ่งท่าทีของ Debian ไม่ได้ร่วมมือพัฒนาเท่าที่ควร
ประเด็นทางเทคนิคนี้ ทำให้ Mike Hommey ซึ่งเป็นผู้ดูแล firefox และ xulrunner ใน Debian ต้องออกมา อธิบาย ซึ่งเป็นที่มาของการเขียน blog นี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการพูดถึงข้อมูลเชิงลึกในที่สาธารณะ
ก่อนอื่น Mike อธิบายว่า patch ที่ส่งไปตามเงื่อนไขของ Firefox นั้น เมื่อตัดส่วนที่เป็น control file สำหรับ build deb และส่วนที่ replace configure script อันเนื่องมาจากการเรียก autoconf แล้ว (เรื่อง update configure script นี่ เป็นเรื่องปกติสำหรับ distro ที่สนับสนุนหลาย architecture อย่างDebian ครับ) ก็จะเหลือเพียง 2,654 บรรทัดเท่านั้น ที่เกี่ยวกับซอร์สของ Mozilla และใน 2,654 บรรทัด ก็สามารถแจกแจงสิ่งที่ทำเป็นข้อๆ (อ่านรายละเอียดได้ใน blog) ซึ่งอ่านแล้วพอสรุปได้ดังนี้
- patch สำหรับระบบ build ทั่วไป
- patch สำหรับปิดการ upgrade เนื่องจาก Debian ใช้ระบบ apt แทน
- patch สำหรับการ port ไปยัง architecture อื่นอีก 11 ชนิด นอกเหนือจาก i386
- patch สำหรับการ conform ตาม FHS
- patch สำหรับ link library บางตัวที่มีในระบบ แทน static link
- patch สำหรับแก้ bug จิปาถะ
ซึ่ง Mike อ้างว่า patch เหล่านี้ หลายตัวก็เอามาจาก trunk หรือ Bugzilla และ Debian ก็พยายามผลัก patch ที่ไม่เจาะจงกับ Debian เข้า upstream อยู่แล้ว (ผมเป็นพยานได้ในเรื่อง patch ภาษาไทย เท่าที่มีการติดต่อ distro ต่างๆ ทั้งโดยผมและ Mk มี Debian เจ้าเดียวที่ forward bug เข้า upstream) จึงเข้าใจได้ยาก ว่า Debian ไม่ให้ความร่วมมืออย่างไร
อีกประเด็นหนึ่งคือคอมไพเลอร์ที่ใช้ ดูเหมือน Mozilla ไม่เข้าใจ ว่า distro ต่างๆ ใช้ gcc 4.x คอมไพล์กันแล้ว แต่ official binary ยังใช้ gcc 3.4 อยู่ และ require libstdc++5 ซึ่งแทบไม่มีใครใช้อีกแล้ว หลังการ migrate มา libstdc++6
ส่วนที่มีคนเสนอให้ Debian ย้าย Firefox ไป contrib หรือ non-free โดยทำแค่ installer ไปดาวน์โหลด official binary ก็พอ เพื่อตัดปัญหา ก็มีปัญหาว่า อีก 11 architecture ที่เหลือ ไม่มี official binary ให้ อีกทั้ง libstdc++5 ที่ official binary ของ i386 ต้องการ ก็กำลังจะเลิกใช้แล้ว (แต่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการย้ายอยู่แล้ว เพราะซอร์สมันยังเป็นโอเพนซอร์สอยู่ มีปัญหาแค่เครื่องหมายการค้าเท่านั้น)
พร้อมกันนี้ Mike เลยถือโอกาสบ่น ว่า Mozilla ไม่ให้ความสำคัญกับ Linux เท่าที่ควร ไปมุ่งแต่ Windows มากเกินไป patch ต่างๆ เลยถูกสะสมไว้ที่ distro ไม่ได้ check-in (และไม่น่าแปลกใจที่ Mozilla จะเห็นแพตช์ของ Debian "ไร้ประโยชน์")
ปิดท้ายด้วยการยืนยัน ว่า Debian ยังไม่ย้ายไปใช้ Gnuzilla แม้จะใช้ชื่อ IceWeasel ตรงกันก็ตาม เนื่องจากกำหนดการออก Etch ใกล้เข้ามาแล้ว จึงไม่มีเวลาพอจะย้าย code base แม้จะมีแนวคิดที่จะร่วมทำงานกับ Gnuzilla หลัง Etch ก็ตาม
1 ความเห็น:
ณ 17 ตุลาคม 2549 เวลา 17:04 , veer แถลง…
ควรร่วมกับ Gnuzilla เพราะว่าผมชอบ Logo ของ Gnuzilla กว่าอะไรหนาวๆ :-P
แสดงความเห็น (มีการกลั่นกรองสำหรับ blog ที่เก่ากว่า 14 วัน)
<< กลับหน้าแรก