หายตัวจากเน็ตไปหลายวัน พอดีแอบเข้ากรุงไปทำสองเรื่อง ที่บังเอิญประจวบเหมาะได้โอกาส
เรื่องแรกคือดูงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติที่เมืองทองธานี กับอีกเรื่องคือไปพบกับ
Christian Perrier
(ชื่อ irc: bubulle) ซึ่งเป็น Debian Developer ที่ active ในเรื่อง I18N
รวมทั้งรับอาสาประสานงานเรื่อง I18N กับทีมภาษาต่างๆ
งานนิทรรศการใหญ่โตมากๆ เทคโนโลยีที่ใช้จัดแสดงก็หรูหราสุดๆ แต่ที่สำคัญคือ เดินดูฮอลล์ต่างๆ แล้ว
ได้ซึมซับแนวพระราชดำริด้านต่างๆ มากมาย จนรู้สึกได้ในรายละเอียดมากกว่าเดิมที่เคยรู้มา
ว่าพระมหากษัตริย์ของไทยพระองค์นี้ ทรงเป็นศูนย์รวมของการพัฒนาในแทบทุกด้านจริงๆ พระราชกรณียกิจ
โครงการในพระราชดำริ เยอะจนน่าทึ่ง ว่าชีวประวัติบุคคลสำคัญของโลกที่เคยอ่านมา
จะมีรายละเอียดมากเท่าของในหลวงของเราได้หรือ
พอดีกะจะเข้าไปดูมหานาฏกรรมมหาชนกด้วย แต่คนยังกับหนอน ยุ่บยั่บเต็มเมืองทองธานีจนแทบไม่มีที่จะยืน
(ผมว่าพื้นที่เขาก็กว้างอยู่นะ) แถวซื้อตั๋วก็หาหางแถวแทบไม่เจอ เราไม่ได้จองล่วงหน้า เพราะตอนเข้าเว็บ
ตั๋วเต็มหมดแล้ว เลยตัดใจ ใช้เวลาที่เหลือเดินดูฮอลล์จนทั่ว
ส่วนที่ไปพบ Christian Perrier พอดีว่าเขา
ได้รับเชิญ
ไปกล่าว keynote speech ใน
งานเปิดตัว Dzongkha
Linux ที่ภูฏาน โดยต้องมาเปลี่ยนเครื่องบินที่ดอนเมือง ช่วงเวลาระหว่างรอเปลี่ยนเครื่อง
เขาสามารถพบปะคนไทยที่สนามบินได้ เลยจัดแจงนัดแนะมาพบกัน พร้อมๆ กับคนอื่นๆ ที่สนใจ Debian
อีกจำนวนหนึ่ง (นัดแบบเงียบๆ เพราะเกรงใจเขาว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาพักระหว่างรอเครื่อง)
พบแล้ว เลยได้คุยกันหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเกี่ยวกับภูฏานที่เขาไปมา แล้วก็เรื่องของไทยเรา
ก็ได้พบว่าที่ภูฏานเขาโปรโมทลินุกซ์เป็นเรื่องใหญ่ของประเทศเลยทีเดียว
เพราะทางราชการได้ประกาศให้ใช้ภาษา Dzongkha ในเอกสารราชการต่างๆ
แต่ยังติดอยู่ที่ไม่สามารถใช้ภาษา Dzongkha ในคอมพิวเตอร์ได้
และตลาดเขาก็เล็กเกินกว่าไมโครซอฟท์จะให้ความสำคัญ รัฐบาลก็เลยดำริที่จะทำเอง โดยใช้ลินุกซ์เป็นหลัก
โดยร่วมกับโครงการ Dzongkha
Localization และด้วยการสนับสนุนจากโครงการ
Pan Localization
ซึ่งก็ได้พบว่า ภาษาน้องใหม่นี้ พัฒนาคืบหน้าอย่างรวดเร็วมาก ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน
และการแปลข้อความ เรียกว่าแซงทีมอื่นๆ รวมทั้งทีมฝรั่งบางทีม และทีมไทยเราด้วย อย่างพรวดพราด
จนหลายทีมแอบอิจฉา ในทีมงานที่พร้อมพรักของเขา
มาวันนี้ Dzongkha Linux ที่ใช้ Debian เป็นฐาน พร้อมแล้วสำหรับการใช้งานโดยผู้ใช้ทั่วไป
และในองค์กรของรัฐ รายละเอียดดูได้จาก
รายงานของ
Christian
ส่วนเรื่องของไทยเรา ก็เล่าให้เขาฟัง ว่าในประเทศเรามีกลุ่มทำงานกลุ่มไหนบ้าง สถานการณ์เป็นยังไง
แล้วก็คุยกันถึงเรื่องประเด็นต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ สำหรับภาษาไทยใน Debian และ Ubuntu
และที่ขาดไม่ได้ คือการเซ็นรับรอง OpenPGP key กัน เพื่อยืนยันลายเซ็นที่เราจะใช้ในกิจกรรมต่างๆ
ของ Debian ต่อไป โดยตรวจสอบว่าใช่ตัวตนจริง แล้วก็แลก fingerprint สำหรับใช้ตรวจสอบ key
ขณะเซ็นที่บ้านต่อไป
/me ทำนามบัตรครั้งหน้า ใส่ OpenPGP fingerprint ในบัตรด้วยดีกว่า เห็นคน Debian
หลายคนเขาทำกันเป็นปกติเลย :-P