อุ้มธุรกิจท้องถิ่น?
ช่วงระยะหลังนี้ เกิดมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจท้องถิ่นกับส่วนกลาง กำลังคิดว่าจะ blog เรื่องนี้สักวัน ก็พอดีไปเจอข่าว เทศบาลปิดตายประตูเซ็นทรัลแล้ว ก็ทำให้ตกใจ ว่าเราคิดช้าไปเหมือนกัน
พูดถึงความคิดผมก่อน เดิมคิดว่า การเข้ามาของธุรกิจส่วนกลางและทุนข้ามชาติ มีผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิ่น อย่างห้างโลตัส แมคโคร บิ๊กซี ที่เปิดมาหลายปีแล้วนั้น ดูจะทำให้ผู้บริโภคถูกแบ่งออกไปจากผู้ค้ารายเดิม ธุรกิจท้องถิ่นโดนแน่ อย่างน้อยโชวห่วยก็สู้ราคาไม่ไหว แต่ก็นับว่าผลกระทบยังไม่มากนัก ถ้าเทียบกับร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 และ Family Mart ซึ่งเข้ามาแย่งลูกค้าร้านค้าปลีกกันเห็นๆ ทั้งหมดนี้ ทำให้รู้สึกเห็นใจธุรกิจท้องถิ่น ที่ทยอยล้มตายไป เหมือนเมืองค่อยๆ ถูกกลืนกินไปทีละนิดๆ เอกลักษณ์ของท้องถิ่นค่อยหายไปเรื่อยๆ จึงเกิดความคิดว่าน่าจะคุ้มครองธุรกิจเหล่านี้บ้าง
แต่ระยะหลัง หลังจากได้สัมผัสกับสไตล์คนท้องถิ่นหลายๆ อย่าง ทำให้เริ่มเปลี่ยนความคิด ว่าบางที การอุ้มธุรกิจเหล่านี้มากไปก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะขนาดของสังคมต่างจังหวัดที่เล็ก ทำให้การแข่งขันอยู่ในวงแคบๆ ขาดการยกระดับมาตรฐาน ผู้ประกอบการที่เห็นแก่ได้ ไม่มี service mind กักตุนสินค้า ขายของหมดอายุ ไม่ค่อยรักษาสมบัติส่วนรวม ก็ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ผมคิดว่า การค้าแบบเก่าๆ ทัศนคติเห็นแก่กำไรอย่างเข้มข้น โดยเห็นแก่ส่วนรวมน้อยเกินไป อาจทำให้สังคมถูกควบคุมด้วย game theory ของผลประโยชน์ง่ายเกินไป
ตกลงว่า อุ้มธุรกิจท้องถิ่นเกินไป ก็ spoil และทำให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบเหมือนเดิม ปล่อยให้ธุรกิจข้ามชาติเข้ามา ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แล้วจะเอาอย่างไหนดี? รอไม้ผลัดใบมั้ง ให้คนท้องถิ่นรุ่นใหม่มาแทนที่คนรุ่นเก่า ให้สังคมค่อยๆ เปลี่ยนมือไปสู่กลุ่มคนที่มีการศึกษามากขึ้น มองอะไรกว้างขึ้น โดยอาศัยประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าคอยระวังหลังให้ก็พอ ถึงตอนนั้น ท้องถิ่นน่าจะพัฒนาตัวเอง ยกระดับมาตรฐานขึ้นมาได้
เกี่ยวกับมาตรการของเทศบาลนครขอนแก่น ที่ถึงกับจะออกกฎหมายท้องถิ่นมากัน WTO อีกชั้น เพื่อคุ้มครองธุรกิจท้องถิ่น ดูมันจะโหดเกินไป ถ้าไม่ปล่อยให้เชื้อโรคเข้ามาบ้าง สังคมก็คงไร้ภูมิคุ้มกัน ถ้าจะว่ากันตามตรง สำหรับตอนนี้ ธุรกิจข้ามชาติสมควรถูกกีดกันออกไปก่อน (แต่ก็ไม่ทันแล้ว) เพราะยังไงทุนเขาก็หนา สู้ไม่ไหวอยู่แล้ว อีกทั้งเงินทองยังรั่วไหลออกนอก แต่กับธุรกิจของคนไทยด้วยกันอย่างเซ็นทรัล ถ้าจะถูกกีดกันไปด้วย แล้วท้องถิ่นเองจะเอาแรงกระตุ้นที่ไหนพัฒนาตัวเอง? ทั้งผู้บริโภคเองก็จะไม่มีทางเลือกแบบนี้ไปอีกนานเท่าไร?
4 ความเห็น:
ณ 17 ตุลาคม 2547 เวลา 23:40 , bact' แถลง…
ผมว่าซื้อของเมืองไทยร้านโชว์ห่วยบางร้าน (ส่วนน้อยที่เจอ) นี่แย่แล้ว
แบบว่าขายไปบ่นไป ทำเหมือนไม่อยากขาย เหมือนเรามารบกวนชีวิตประจำวันอันแสนสงบสุขของเค้ายังไงไม่รู้ จะหยิบจะจับของชิ้นไหนขึ้นมาเพื่อถามคำถามทั่วๆ ไป อย่างขนาด สี มีอันอื่นมั๊ย ฯลฯ คนขายก็ทำหน้ารำคาญๆ หรือบางทีคำตอบที่ได้กลับเป็น ราคา (ไม่ว่าคำถามจะเป็นอะไรก็ตาม)
มาเจอร้านแขกที่นี่ แม่ง แย่กว่า
มันขายของเหมือนเรามาขอมันเอาไปใช้ฟรี
เคยไปส่งจดหมายร้านแขก (ไปรษณีย์ที่นี่ส่วนใหญ่จะฝังตัวอยู่ในร้านของชำ)
ส่งไอ้จดหมายสมัครเรียนที่ Brighton นี่แหละ
เราก็ต้องถ่ายเอกสารเก็บไว้ชุดนึงก่อน เค้าก็ชี้ให้ไปทำเองที่เครื่อง
เราก็ถ่ายๆ เสร็จ ก็เอาตัวจริงไปส่ง จ่ายเงินอะไรเสร็จ จะเดินออกจากร้าน
ก็มีไอ้คุณแขกอีกคน เดินมาถามแบบน้ำเสียงหาเรื่องโคตรๆ (จริงๆ มันไม่ต้องพูดอะไร แต่มองหน้าก็กวนตีันแล้ว) บอกว่าเรายังไม่ได้จ่ายค่าถ่ายเอกสาร
เราก็บอก เราจ่ายไปแล้ว ตรงเคาน์เตอร์ไปรษณีย์นั่นแหละ
มันก็สวนมาทันทีบอก No. You don't. เฮ้ย มึงอย่าทำน้ำเสียงมั่นใจอย่างนั้นสิ คุณพี่ไปทราบมาจากไหนว่าผมยังไม่ได้จ่าย ไปถามญาติคุณที่เคาน์เตอร์ก่อนสิ อย่าเพิ่งมั่นใจมาก หรือหน้ากูเหมือนโจรวะ?
ก็เลยบอกไป(น้ำเสียงเีรียบๆ เลยนะ)ว่า ไปถามคนที่เคาน์เตอร์สิ ผมจ่ายแล้ว
มันก็ยังบอก No. You don't. อีก ต้องบอกอีกเที่ยวว่า ก็ให้ไปถามน่ะ ไปถามรึยัง มันเลยบอกกลับมากวนตีนๆ ว่า ไม่ต้องห่วง กูถามแน่ ...ฟักแฟงเอ๊ย!
แม่งค้าขายกันหยั่งงี้รึไงวะ
[ซูเปอร์สโตร์ใหญ่ๆ ที่นี่เปิดในเมืองไม่ได้ครับ ได้อย่างมากก็เป็นเวอร์ชั่นมินิ อย่าง Tesco Metro, Sainsbury Central ทำนองนี้ เปิดดึกก็ไม่ได้
-- นี่อาจจะเป็นแบบที่พี่เทพบอก ปกป้องธุรกิจท้องถิ่น .. จนได้ใจ]
* บางคนบอกว่าการใช้คำว่า แขก หรือ เจ๊ก หรือ ฝรั่ง เป็นการเหยียดชาติพันธุ์ (racism) อย่างอ่อนๆ แบบหนึ่งที่เราไม่รู้ตัว
ในกรณีนี้ ผมรู้ตัว และจงใจใช้ และใช้สำหรับไอ้แขกร้านนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง
โอ๊ย เกลียดแม่งโว้ย! -_-"
ณ 18 ตุลาคม 2547 เวลา 00:09 , the ancient แถลง…
การกักตุนสินค้านี่ถ้าเป็นสมัยก่อนคนกักตุนจะถูกคอมมูนบอกว่าเป็นปอบและถูกกำจัดไปในที่สุด
ณ 18 ตุลาคม 2547 เวลา 09:44 , Thep แถลง…
bact', เทศบัญญัติใหม่ของที่นี่ ก็คงเป็นอย่าง bact' ว่าเลย คือห้ามเปิดร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ในเขตเมือง แต่ยังมีคำถามว่า "เขตเมือง" ของเขามันกว้างแค่ไหน อย่างบริเวณที่เซ็นทรัลจะมาลงนี่ ก็ถือว่าคนในเมืองต้องนั่งรถออกไปแล้วล่ะ (มียกเว้นคนในชุมชนละแวกนั้น ที่อาจจะใกล้หน่อย) แต่ถึงขนาดนั้น เขาก็ยังไม่สามารถสร้างได้อยู่ดี (อาจต้องออกไปชนบทกว่านั้น) ส่วนในเมือง ก็มีห้างใหญ่ที่นายกฯ เป็นเจ้าของอยู่เพียงห้างเดียว (อีกห้างหนึ่งอยู่ในตลาด แต่ก็เป็นห้างขายของอย่างเดียว ไม่ได้มีฟู้ดเซนเตอร์กับโรงหนังเหมือนของนายกฯ) และกฎหมายคงไม่มีผลย้อนหลังไปเพิกถอนห้างของท่าน แต่รายใหม่จะเข้ามาไม่ได้อีกเลย แบบนี้มันดูน่าเกลียดไปหน่อยแฮะ เหมือนใช้อำนาจตัดคู่แข่งธุรกิจตัวเอง (แต่ก็พยายามไม่คิดถึงประเด็นนี้ อยากจะว่าด้วยเหตุผลมากกว่า)
id, บังเอิญเมืองนี้โตขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อค้าแม่ขาย คนที่จะชี้เป็นชี้ตายเลยเป็นคนกลุ่มนี้มากกว่า บางที คนที่จะเป็นปอบอาจเป็น foss hacker ก็ได้ เหอะๆ
ณ 18 ตุลาคม 2547 เวลา 14:53 , Beamer User แถลง…
นึกถึงสมดุลของแนชเอาไว้
แสดงความเห็น (มีการกลั่นกรองสำหรับ blog ที่เก่ากว่า 14 วัน)
<< กลับหน้าแรก