ดิ้น
GNOME 2.12 ออกไปแล้ว รู้สึกโล่งไปหนึ่งเปลาะ เพราะเท่ากับว่า งานหนึ่งในสี่ชิ้นที่สลับทำอยู่ได้เสร็จไปแล้ว เหลืออีกสาม ซึ่งชิ้นหนึ่งมีกำหนดเส้นตายศุกร์นี้ ส่วนอีกสองชิ้นยังคงเป็นงานระยะยาว ที่ดูท่าทางจะเรียกร้องเวลามากขึ้น
ด้วยความที่ต้องสลับงานไปมาอย่างนี้ ก็คงไม่แปลกใจ ที่ blog ผมช่วงนี้เนื้อหาค่อนข้างสุ่ม คือไม่ได้โฟกัสเป็นเรื่องๆ เหมือนช่วงแรกๆ ที่เขียน ซึ่งนี่ก็สะท้อนภาพชีวิตประจำวันช่วงนี้ด้วย ที่ต้องสลับสมองไปมาอยู่ตลอด โดยไม่สามารถโฟกัสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ต่อเนื่อง
แต่งานทั้งสามสี่ชิ้นที่พูดถึงนั้น ไม่มีชิ้นใดเลยที่เป็นงานหลักที่ผมตั้งใจจะทำ (แม้แต่งานแปล GNOME ซึ่งเป็นงานที่สลับมาทำไปพลางๆ ระหว่างที่ไม่สามารถโฟกัสในงานเทคนิคได้มากพอเท่านั้น) แล้วตกลง ผมใช้ชีวิตปีกว่าๆ ที่ผ่านมาเพื่อสิ่งที่มาสนับสนุนงานหลัก โดยที่งานหลักถูกดึงเวลาไปจนหมดงั้นหรือ? มิหนำซ้ำ งานสนับสนุนบางชิ้น ยังคาดหวังว่าผมจะมีเวลาให้มากกว่าเดิมจนถึงขั้นทำงานเต็มเวลาด้วยซ้ำ
ผมดิ้นรนมากี่ครั้ง ที่จะให้มีเวลาว่างมาทำ FOSS แต่ดูจะประสบความสำเร็จน้อยมาก และช่วงนี้ ดูอาการจะหนักหนาสาหัสที่สุด ที่แม้แต่งานแปลที่ทำไปพลางๆ ก็ยังเหลือเวลาแค่หนึ่งวันต่ออาทิตย์!
ปัญหาคือ งานที่รับมาในเชิงธุรกิจ มันต้องมีความรับผิดชอบ บางครั้ง งานส่วนอื่นๆ ที่รองานเราเสร็จ ก็มากระตุ้นให้เราต้องทุ่มเวลาให้ และเราก็หยุดทำไม่ได้ จนกว่าจะเสร็จตามสัญญา และบรรยากาศการทำงานในออฟฟิศ ก็มีแต่จะกระตุ้นให้เราบ้างานของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ใช่สายงานของเรา ต้องเสียเวลาเรียนรู้อีกนาน
พักนี้ ผมจึงใช้เวลามากขึ้น กับการคิดหาทางให้มีเวลาทำงาน FOSS มากขึ้น จนหลายคืนเล่นเอานอนไม่หลับ ความบีบคั้นของงานบางชิ้น ได้ทำให้เกิดแรงสะท้อนกลับในใจอย่างแรง ที่จะดิ้นรนให้ได้ทางเดินชีวิตของตัวเองกลับคืนมา
ขั้นแรก ผมคงต้องประกาศตัวกับทุกคนแถวบ้าน ว่าผมกำลังทำงาน FOSS โดยเมื่อประกาศตัวแล้ว ก็คงพบกับแรงต้านจากสังคมญาติๆ บ้าง แต่คงไม่รุนแรงเท่ากับถ้าผมประกาศตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ๆ ที่ว่าจะเกิดแรงต้าน ก็เพราะบ้านผมเป็นตระกูลค้าขาย ยอมรับได้ยากกับแนวคิดเสรีแบบ FOSS แต่ในเมื่อเขาได้เห็นผมทำงานไม่หยุดมาระยะหนึ่ง คงจะเริ่มทำใจได้แล้ว และการที่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากสังคมบ้าง (เช่น เมื่อได้รับเชิญไปบรรยายในที่ต่างๆ หรือเมื่อมีผู้หย่อนสตางค์ลงหมวก หรือมีผู้มาว่าจ้างให้ทำงานลินุกซ์) ก็ทำให้เขาเห็นผลที่เขาสามารถจับต้องได้ และคงไม่ยากเกินไป ที่จะค่อยๆ สอดแทรกแนวคิดต่างๆ เข้าไป ถ้ามีโอกาส
และอีกขั้นหนึ่ง ก็คือการเริ่มต่อรองกับผู้ที่มาว่าจ้างผม ว่าถึงจะบีบคั้นผมอย่างไร ก็ไม่สามารถทำงานเต็มเวลาได้ ผมต้องการเวลาทำงานของผม (ซึ่งได้ประกาศตัวตนชัดเจนว่ามีอยู่) โดยที่ยังต้องการเวลาพักผ่อนหรืออยู่กับครอบครัวในวันหยุดด้วย
หวังว่าผมจะทำสำเร็จ..
7 ความเห็น:
ณ 12 กันยายน 2548 เวลา 15:37 , NOI แถลง…
สู้ๆ ครับ ขอให้มีความสุขกับการทำงานครับ :)
ณ 13 กันยายน 2548 เวลา 15:53 , eak แถลง…
ขอให้กำลังใจและขอบคุณคุณเทพที่ทุ้มเทเวลา
เพื่อทำให้โอเพ่นซอร์สและลีนุกซ์แข็งแกร่ง
ขอแสดงความนับถือในน้ำใจจากหัวใจของผมจริงๆครับ นับถือๆ
ณ 13 กันยายน 2548 เวลา 17:12 , cwt แถลง…
เป็นกำลังใจให้ด้วยคนครับ ตอนนี้ผมออกมาทำบริษัทเองแล้ว รู้เลยครับว่าการที่ต้องทำงานให้เสร็จตามสัญญานั้นเหนื่อยแค่ไหน หวังว่าคุณเทพคงไม่ท้อใจไปซะก่อนนะครับ
ณ 14 กันยายน 2548 เวลา 02:48 , the ancient แถลง…
ตอนนี้ออกมาทำ graphic design/produce เกมเชิงปรัชญาให้ game house แห่งหนึ่ง รายได้ก็เอาแค่พออยู่ได้โดยไม่ต้องเบียดเบียนแม่มากนัก แต่ก็ยังไม่ยอมเขียน proprietary code อยู่ดี จริงๆผิวเนียนๆอย่างคุณเทพ ถ้าลองมาขายตรงพวกสินค้าบำรุงผิวพรรณหรือสุขภาพหรือพวกเครื่องปั่นน้ำชีวจิตอะไรเทือกนั้นก็อาจจะสร้างรายได้ได้ดี... จริงๆแล้วการทำซอฟต์แวร์เสรีมันคือการต่อสู้กับตัวเอง ถ้าทำแล้วทุกข์ใจจนไม่สามารถเจริญสติได้ ทำไปมันก็ไม่ใช่ความดีงามอะไร ไม่ใช่สัมมาอาชีพ ถ้าทำแล้วมันควรมีเป้าหมาย ว่าอย่างน้อยตัวเราต้องวางเฉยได้ เมื่อคนอื่นไม่พอใจกับสิ่งที่เราทำ เราจะเป็นคนดีได้หรือ ถ้าเราต้องมาทุกข์ใจกับสิ่งที่เราทำ สังคมมันจะดีจะเลวมันก็ไม่ได้ขึ้นกับเราคนเดียว ต่อให้เราเป็นฮีโร่ สามารถทำให้ทุกคนรวยขึ้นมาได้ มันก็เป็นแค่ทานชั้นต่ำ ไม่เยี่ยมยอดเหมือนการให้โอกาสเขาได้เรียนรู้ถึงความดีงาม ความพอเพียง ความไม่ฟุ้งเฟ้อ ดังว่า สัพพะทานัง ธัมมะทานังชินาติ สุดท้ายนี้ขออวยพร ให้ทำมันได้ถึงที่สุดของความเพียร และสามารถทำมันด้วยใจที่มั่นคงและมีศรัทธาต่อความดีงาม ทุกข์กายทุกข์ได้ แต่อย่าทุกข์ใจ สู้ๆ สู้ตาย!
ณ 14 กันยายน 2548 เวลา 10:22 , Thep แถลง…
ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจครับ และขอบคุณ id สำหรับแง่คิดที่มีมาให้อยู่ตลอด
ผมเขียนไปแล้วก็มานั่งทบทวน ว่าตัวเองบ่นอะไรออกไป ความจริงก็ต้องการเขียนบอกเล่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ ว่าไอ้งานที่ผมกำลังพยายามทำอยู่นี้ มันไม่ใช่เพียงแค่ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็น "งาน" เท่านั้น แต่ตัวงานเอง ก็ยังไม่สามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ เลยเป็นเหตุให้ยอมรับงานที่ผ่านเข้ามา แต่งานทั้งหลายที่รับนั้น มันมีมาตรฐานของมัน ทำให้เราต้องทุ่มเทเวลาให้เท่ากับคนที่ทำงานเต็มเวลา
ผ่านการลองผิดลองถูกมาระยะหนึ่ง จึงมาถึงข้อสรุป (เสียที) ว่าต้องทำให้งานของตัวเอง มีฐานะเป็น "งาน" อย่างเต็มตัวให้ได้ ทั้งแนวคิด (คือการอธิบายคนรอบข้าง) และปฏิบัติ (คือการสามารถรักษาสมดุลการเงิน)
ตอบ id ว่า ผมไม่ได้ทุกข์ใจกับสิ่งที่ทำ แต่ที่กำลังคิดทั้งหมด ก็เป็นการพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่ทำ กับสังคมรอบข้าง เพื่อให้สามารถทำสิ่งที่ทำอยู่ได้เต็มที่ยิ่งขึ้น
เมื่อพบ user ไประยะหนึ่ง ก็เริ่มตระหนัก ว่าการจะเผยแพร่แนวคิดได้ มันต้องทำตัวเองให้ดีก่อน ไม่งั้นใครจะเดินตามเรา คืออย่างต่ำที่สุด ต้องรักษาสมดุลการเงินได้ และที่อยากทำที่สุด คือการเลี้ยงตัวเองด้วยการทำ FOSS เต็มตัว เพื่อพิสูจน์แนวคิดให้เขาเห็น ไม่ใช่ต้องแอบอิงอาศัยธุรกิจอื่น จนไม่สามารถทุ่มเทให้กับงานไหนได้สักทาง
อีกประเด็นหนึ่ง คือเรื่อง "สายงาน" คือถึงแม้งานที่รับจะเป็นลินุกซ์ แต่ถ้าไม่ใช่สายงานตรง มันก็เกิดการ "แบ่งเวลา" รวมทั้ง "แบ่งโฟกัส" อยู่ดี
/me อยากตั้งบริษัทเขียน FOSS เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย แต่มีโมเดลธุรกิจมั้ยหว่า.. :-P
ณ 14 กันยายน 2548 เวลา 17:08 , ไม่ระบุชื่อ แถลง…
ฺhmm... งั้นขอให้ถูกแจ๊คพ็อดใหญ่ๆงามๆซักงวด น่ะครับ อิอิ
ณ 30 กันยายน 2548 เวลา 17:52 , Beamer User แถลง…
ไม่เหนื่อยเท่าเลี้ยงลูกหรอกว้า
ไม่เชื่อถามแม่ดู
แสดงความเห็น (มีการกลั่นกรองสำหรับ blog ที่เก่ากว่า 14 วัน)
<< กลับหน้าแรก