Theppitak's blog

My personal blog.

25 มีนาคม 2550

National Religion

ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ถกกันหลายประเด็นเหมือนกัน ทั้งเรื่องใหญ่ ๆ อย่างที่มานายกฯ และการมี ส.ส. บัญชีรายชื่อ กับเรื่องที่ได้ยินแล้วงง คือการกำหนดพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

งงเพราะยังไม่แน่ใจ ว่ากำหนดแล้วจะมีผลต่อกฎหมายต่าง ๆ ยังไง และจะมีผลต่อศาสนิกของศาสนาอื่นยังไง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไฟใต้กำลังลุกโชนอย่างนี้

เรื่องนี้ท่าทางท่านจะ จริงจัง กันมากเสียด้วย

อาจจะเห็นว่าศาสนาอื่นกำลังรุกล้ำเข้ามาในประเทศทุกทิศทาง? หรืออาจจะต้องการให้ประเทศไทยซึ่งชาวโลกยกให้เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนา ได้มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น?

แต่ในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง กลับเห็นว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็น หรือถ้าจะกำหนดจริง ก็ควรมีความชัดเจนต่อศาสนิกศาสนาอื่นมากกว่านี้

บังเอิญไปเห็นกระทู้ ย้อนรอยความเห็น "คึกฤทธิ์ ปราโมช" กรณี"พุทธ"เป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งเสนอทัศนะที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ เคยกล่าวไว้

"ผู้ที่ท่านร่างรัฐธรรมนูญนั้น ท่านรู้ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่ริษยาลัทธิ"

โดยท่านแสดงความเห็นไว้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2521 ไม่ได้กำหนดให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่มีมาตรา 7 ระบุไว้ว่า

มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก

ซึ่งเป็นวิธีการที่นุ่มนวลที่สุด ในการรักษาน้ำใจของคนไทยทั้งชาติ ชาวพุทธที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ ก็อุ่นใจได้ว่าพระมหากษัตริย์จะทรงอุปถัมภ์ค้ำชูพุทธศาสนา และศาสนิกศาสนาอื่นก็จะอุ่นใจได้เช่นกัน ว่าจะไม่มีการกีดกันเสรีภาพในการนับถือศาสนาและประกอบศาสนกิจ เพราะพุทธศาสนาไม่มีบัญญัติที่กีดกันศาสนาอื่น (หม่อมฯ ท่านใช้คำว่า "ไม่ริษยาลัทธิ") หากกำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงนับถือศาสนาที่กีดกันศาสนาอื่นแล้ว อาจกระเทือนต่อเสรีภาพในการนับถือศาสนาของประชาชนได้

ซึ่งความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น ชาวคริสต์หรืออิสลามเขาไม่สามารถเข้าร่วมพิธีของศาสนาอื่นได้ เพราะผิดบัญญัติศาสนา หากในหลวงทรงนับถือศาสนาเหล่านั้นแล้ว คงไม่สามารถเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนาได้ดังที่เป็นอยู่

ผมเห็นด้วยกับความเห็นนี้นะ เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว ไม่ต้องถึงกับบัญญัติศาสนาประจำชาติหรอก

หรือยังมีเหตุผลอื่นที่ผมยังไม่รู้?

18 ความเห็น:

  • 25 มีนาคม 2550 เวลา 19:26 , Blogger Noi แถลง…

    อยากให้คุณเทพได้อ่าน "กะเทาะเปลือกไฟใต้ ใครบงการ" ครับ :)

     
  • 26 มีนาคม 2550 เวลา 08:54 , Blogger Thep แถลง…

    ผมยังไม่เคยอ่านเล่มนั้นครับ แต่พอทราบมาจากแหล่งอื่นบ้าง เกี่ยวกับองค์การอย่าง BRN, PULO, BERSATU ไม่ทราบว่าเป็นประเด็นเดียวกับที่คุณหน่อยจะพูดถึงหรือเปล่า?

     
  • 26 มีนาคม 2550 เวลา 11:25 , Blogger veer แถลง…

    ผมเขียน blog เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็คิดแล้วคิดอีก ยังไม่กล้า post

     
  • 26 มีนาคม 2550 เวลา 12:41 , Blogger bact' แถลง…

    ถัดจาก เพลงชาติ ธงชาติ ศาสนาประจำชาติ

    ต่อไปคงต้องกำหนด
    ภาษาประจำชาติ
    ชุดประจำชาติ
    ต้นไม้ประจำชาติ
    ดอกไม้ประจำชาติ
    อาหารประจำชาติ
    กีฬาประจำชาติ
    ท่าเต้นแอโรบิคประจำชาติ
    โอเอสแห่งชาติ (อย่าลืม!)
    นักร้องประจำชาติ
    ...
    เผ่าพันธุ์ประจำชาติ! เย้ว!

    เราต้องกำหนดเรื่องพวกนี้ ไม่เช่นนั้นเราจะสิ้นชาติ
    - เนื่องเพราะชาติเราอ่อนแอมาก จึงต้องป้องกันด้วยกฎหมายนะจ๊ะเด็ก ๆ

     
  • 26 มีนาคม 2550 เวลา 14:49 , Blogger veer แถลง…

    มันโยงไปถึงว่า อยากแปล เรื่อง ชาตินิยม ในวิกิพีเดีย จะได้เอามาอธิบายได้ว่า เราชอบแบบไหน คนอื่นชอบแบบไหน

     
  • 26 มีนาคม 2550 เวลา 21:36 , Blogger veer แถลง…

    ว่าแล้วก็เขียนไปนิดนึงที่ http://gotoknow.org/blog/chill-chill/86632

     
  • 26 มีนาคม 2550 เวลา 22:22 , Blogger NOI แถลง…

    ผู้เขียนบอกว่ามีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ใต้ครับ ไม่ใช่เพียงแค่องค์การต่างๆ เหล่านั้น :)

    ภาษาประจำชาติ = มีแล้ว
    ชุดประจำชาติ = มีแล้ว
    ต้นไม้ประจำชาติ = มีแล้ว
    ดอกไม้ประจำชาติ = มีแล้ว
    อาหารประจำชาติ = มีแล้ว
    กีฬาประจำชาติ = มีแล้ว
    ท่าเต้นแอโรบิคประจำชาติ = อันนี้คงไม่มี เพราะรับวัฒนธรรมเขามา
    โอเอสแห่งชาติ (อย่าลืม!) = อันนี้คงไม่มี เพราะรับวัฒนธรรมเขามา (แต่อยากให้มี)
    นักร้องประจำชาติ = อันนี้คงไม่มี เพราะนักร้องยังไงก็ตายทุกคน
    ...
    เผ่าพันธุ์ประจำชาติ! เย้ว! = มีพูดถึงในหนังสือกะเทาะเปลือกไฟใต้ ใครบงการครับ (อ่านดู)

    เป็นเรื่องจริงที่ชาติเราอ่อนแอมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องป้องกันด้วยกฎหมาย แต่ควรมีอะไรสักอย่างที่เป็นหลัก ไว้ให้เป็นเกณฑ์อ้างอิงได้ เหมือนการกำหนด Standard แต่เราก็ยังมี Open Standard ได้นี่นา ;)

     
  • 27 มีนาคม 2550 เวลา 23:30 , Blogger bact' แถลง…

    Wmouth: ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมขอเป็นคนไร้ชาติ

     
  • 28 มีนาคม 2550 เวลา 08:37 , Blogger veer แถลง…

    อาหาร เสื้อผ้า ภาษา เราก็รับอิทธิพลบางอย่างมาจากที่อื่นเหมือนกัน?

    เอ๊ะแต่ว่าเราคือใคร?

     
  • 28 มีนาคม 2550 เวลา 19:01 , Blogger Beamer User แถลง…

    ผมว่าเสนอความเห็นแบบ คุณเทพ ให้ข้อมูลแบบคุณเทพ และเคารพความเห็นของคนที่เสนอแบบคุณเทพ ทำไมไม่
    เห็นด้วยแบบคุณเทพ แล้วควรทำอย่างไรแบบคุณเทพ เป็นตัวอย่างที่ดีอยู่แล้วนะ

    อย่าง bact' นั่นคือไปยึดมั่นกับเสรีภาพอะไรเกินควรหรือเปล่า

    ผมว่าคนส่วนหนึ่งที่เสนอตรงนี้ ไม่ได้เน้นที่กำหนดเพื่อป้อง
    กันการสิ้นชาติ แต่กำหนดเพื่อให้รัฐเน้นทำนุบำรุงศาสนา
    พุทธให้เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าที่เป็นอยู่ เรื่องพวกนี้มันอยู่
    ที่เจตนา

    แต่ก็อย่างที่เทพบอกนั่นแหละว่าการไปกำหนดมันนั้น
    มันเกินพอดี ิ

    รัฐธรรมนูญฉบับปี 40 น่ะ มันดีอยู่แล้ว

     
  • 28 มีนาคม 2550 เวลา 19:11 , Blogger NOI แถลง…

    อย่าถามว่าชาติให้อะไรคุณ แต่คุณให้อะไรกับชาติ :)

    อย่าเพียงนึกถึงตัวเองคนเดียว ถ้าคุณอยากจะเป็นคนไร้ชาติ ก็ไม่ควรลืมบรรพบุรุษก่อนหน้าเรา ชาติไม่ใช่เพื่อตัวเราเท่านั้น คนที่จะตามเรามาข้างหลังอีก นึกถึงพวกเขาด้วย

    สิ่งที่เรามองไม่เห็น ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์กับเราเสียทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมต่อกันหมด เหมือนที่คุณเชื่อข้อความในหนังสือเรื่องโลกแบนนั่นแหละ

    ผมก็ชอบเพลง imagine ของเลนนอน :)

     
  • 28 มีนาคม 2550 เวลา 19:13 , Blogger NOI แถลง…

    ตายห่อ เพิ่งสังเกตเห็นว่า โพสมาสามที user มันไม่ซ้ำกันเลย .. (noi snc, wmouth, noi)

     
  • 28 มีนาคม 2550 เวลา 20:22 , Blogger Thep แถลง…

    เอ่อ.. ที่อ่านมาก็มากกว่าแค่องค์กรต่าง ๆ เหมือนกันครับ ประมาณนี้

    อันที่จริง ผมคิดว่าวัฒนธรรมไทยเราอยู่แบบประนีประนอมกัน ยอมรับความแตกต่างของกันและกันมานมนาน การพยายามกำหนดให้ทุกคนต้องทำตามคนเมืองหลวง มักจะทำให้เกิดการแตกแยกมากกว่า อย่างที่นโยบายรัฐนิยมกลายเป็นสาเหตุความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือจะเป็นค่านิยมเหยียดลาวที่ทำให้คนอีสานแปลกแยกจากคนส่วนอื่นของประเทศในระยะหนึ่ง จนกลายเป็นภูมิภาคที่เป็นปัญหาของการพัฒนาชาติมากที่สุดมาจนทุกวันนี้

    เรื่องของศาสนาก็ทำนองเดียวกัน ลักษณะเด่นของคนไทยแต่ไหนแต่ไรมา คือยอมรับสิ่งต่าง ๆ มาปรับใช้ หรืออยู่ร่วมกับคนเชื้อชาติศาสนาต่าง ๆ ได้อย่างกลมกลืน ทำให้เราไม่มีปัญหาเหยียดผิว หรือก่อการร้ายที่ร้ายแรงแบบชาติอื่นมานาน จนกระทั่งเราเริ่มฝืนแนวทางของตน เพื่อความเป็น "อารยะ" ปัญหาต่าง ๆ ถึงเริ่มรุนแรงขึ้น

     
  • 29 มีนาคม 2550 เวลา 18:34 , Blogger NOI แถลง…

    อืม ... ในหนังสือกล่าวว่าได้รับฟังจากอาจารย์ท่านหนึ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๘ และพูดถึงประวัติศาสตร์สามจังหวัดชายแดนใต้ ในช่วงเวลาที่นานลงไปกว่าที่ wiki อ้างถึงอีกครับ

    สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ที่อาจารย์ท่านนั้นเล่าให้ผู้เขียนฟังตั้งแต่พ.ศ. นู้น จะยังทันสมัย และเกิดขึ้นจริงๆ ในสมัยนี้อีกต่างหาก ;)

     
  • 3 เมษายน 2550 เวลา 20:51 , Blogger veer แถลง…

    ถ้าคุณอยากจะเป็นคนไร้ชาติ ก็ไม่ควรลืมบรรพบุรุษก่อนหน้าเรา

    แนวความคิดแบบนี้มันก็ดีอยู่ คนจะได้ทำอะไรให้กับส่วนรวม แต่ถ้าถือแบบนี้ทุกคน ก็อาจจะมีหลายคน ลุกขึ้นมาแบ่งแยกดินแดน เพราะว่าเอกลักษณ์หรือสิ่งต่างๆที่บรรพบุรุษเขาสร้างมากำลังถูกทำลายไป หรือแม้กระทั้งการสร้างชาติของบรรพบุรุษของเขาเองที่ยังรอคอยคนสางต่อ?

    บางทีผู้ก่อการทางใต้บางคนอาจคิดแบบนี้อยู่ก็ได้

     
  • 3 เมษายน 2550 เวลา 20:55 , Blogger veer แถลง…

    ถ้าไรชาติได้ อาจจะเป็น แบบเพลง imagine แบบที่ท่านหน่อยว่า? หรืออาจจะเป็นยุคพระศรีอารย์?

     
  • 11 เมษายน 2550 เวลา 21:45 , Blogger Deachana แถลง…

    คำถามคือชาวพุทธเป็นเจ้าของประเทศ หรือว่าคนไทยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ

    หรือ ชาวไทย ที่นับถือศาสนาพุทธ เท่านั้นที่เป็นเจ้าของประเทศ

    ในฐานะชาวไทยพุทธ ผมยินดีที่จะแบ่งปันพื้นที่ให้ชาวไทยที่นับถือศาสนาอื่นๆได้ยืนบ้าง

    แม้ไม่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ศาสนาพุทธก็เป็นศาสนาประจำใจของผมเสมอ

     
  • 15 เมษายน 2550 เวลา 14:09 , Blogger MegaNosferatu แถลง…

    หวัดดีคับ พอดีผมอ่านอะไรตามอินเตอร์เน็ตมาเรื่อยๆแล้วก็มาอ่านเจอที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจนักนะครับ
    โดยความคิดส่วนตัวของผมนะคับ มันเป็นเรื่องศาสนามันเป็นอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวพอดู ซึ่งผมก็คิดว่ามันเกิดจากความเชื่อของคนกลุ่มๆนึงซึ่งมีความคิดที่คล้ายกันมารวมตัวกันแล้วสืบทอดกันมา แต่มันก็ติดอยู่ที่ว่าไม่มีใครที่จะมีความคิดเหมือนกันเลย ผมเลยคิดว่าถ้าจะให้แยกออกมาเป็นศาสนาในใจแล้ว มันก็จะได้ศาสนาที่ไม่ซ้ำกันเลย ซึ่งตรงนี้จะเป็นเหมือนลัทธิ(รวมถึงลิทธิทางการเมืองด้วย) คราวนี้ศาสนาเป็นเครื่องมือซึ่งดำรงไว้เพื่อรักษาความสงบสุขของความคิดที่แตกต่างกัน โดยใช้กุศโลบายต่างๆกัน เพราะว่าตีความเรื่องความสงบสุขต่างๆกัน แต่จริงๆแล้วก็เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน คราวนี้พอสืบทอดต่อไปเรื่อยๆ ความแตกต่างของแต่ละคน กับการปลูกฝังเรื่องความยึดติด(ชาตินิยม ศาสนนิยม ลิทธินิยม ฯลฯ)ทำให้คนบางพวกต้องการชิงดีชิงเด่นกันในด้านความเชื่อทางศาสนา แข่งขันกันเพื่อให้ศาสนา(องค์กร ความเชื่อ)ของตนได้ชื่อว่าถูกต้องที่สุด (ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาบอกว่าสิ่งที่เราเชื่อมั่นอยู่ตลอดมามันผิดใช่มั้ยครับ) ตลอดจนอาจมีผลประโยชน์ตั้งแต่เล็กน้อย จนใหญ่โต (อย่างเช่นมีหน้ามีตาในสังคมศาสนา)มันอาจจะแตกต่างจากนี้สักเล็กน้อย แต่ก็คงมีอยู่ และเป็นแบบนี้ในทุกองค์กร (การเมือง ศาสนา กลุ่มคน) แต่ว่าจริงๆแล้วอะไรถูกอะไรผิด ก็เป็นเพียงสิ่งที่สังคมแต่ละกลุ่มกำหนดมาตามความคิดของคนกลุ่มนั้นเท่านั้น สิ่งที่ถูกต้องในสังคมหนึ่งๆ อาจเป็นสิ่งที่ผิดอย่างร้ายแรงในอีกสังคมหนึ่งๆ ถ้าความถูกต้องกับความไม่ถูกต้องเป็นเหมือนสีขาว กับสีดำที่อยู่คนละฝากของแผ่นกระดาษเดียวกัน ในสายตาของธรรมชาติ มันก็เป็นเพียงแผ่นกระดาษแผ่นนึงเท่านั้นเอง ผมคิดว่าคนเรา(สิ่งมีชีวิต) เป็นสิ่งที่ไม่เท่าเทียมกันมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว เพราะสภาพร่างกายก็ไม่เท่าเทียมกัน แต่ว่าความคิดของแต่ละคนนั้นก็ยังเท่าเทียมกัน เราอยู่ร่วมกันอย่างไม่แบ่งแยก อย่างเคารพซึ่งความคิดและเสรีภาพซึ่งกันและกันเราก็จะอยู่อย่างสงบสุขครับ เป็นสิ่งที่ผมสรุปจากศาสนาต่างๆที่เคยได้ศึกษามา และความคิดของคนกลุ่มต่างๆที่คุยด้วยตลอดอายุ19ปีของผม สุดท้ายก็ขอแอดบล็อกไว้เป็นเพื่อนด้วยนะครับ ถึงผมจะแค่ผ่านมา แต่ผมรู้สึกประทับใจกับความคิดในบล็อกของท่านเทพน่ะครับ ผมไม่ได้เข้าไปเขียนบล็อกบ่อยเท่าไร มีอะไรฝากไว้ในเว็บของผมนะครับ www.monster-sk.com

     

แสดงความเห็น (มีการกลั่นกรองสำหรับ blog ที่เก่ากว่า 14 วัน)

<< กลับหน้าแรก

hacker emblem