INET Bangkok 2013
bact' ในนามของ เครือข่ายพลเมืองเน็ต ชวนผมมางาน INET Bangkok 2013 (พรุ่งนี้ต่องาน Netizen Meetup อีกงานหนึ่ง)
ผมไม่ได้คลุกคลีกับเรื่องเครือข่ายสักเท่าไร เป็นผู้ใช้เสียมากกว่า มางานนี้ก็ได้เปิดหูเปิดตาหลายเรื่องอยู่
- การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในชนบท ผมเข้าใจผิดเรื่องตารางเวลา เลยไม่ทันครึ่งแรก (ทราบแต่ว่ามีเรื่อง mesh network ที่ ดร.อภินันท์ [เพื่อนผม] บรรยายไป ซึ่งถูกพาดพิงถึงอยู่หลายครั้งในครึ่งหลัง) ในครึ่งหลังนั้น ได้รู้ถึงความพยายามต่าง ๆ ที่จะให้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลให้ได้มากที่สุด ตั้งแต่:
- การฝึกคนในชุมชน ให้ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่เป็นช่องทางขายของ, เข้าถึงบริการภาครัฐ และเผยแพร่เอกลักษณ์ท้องถิ่น
- มุมมองของ ISP ที่อยากให้ราคา ADSL ถูกลง, คุณภาพเครือข่ายดีขึ้นเพื่อรองรับพฤติกรรมการใช้เน็ตที่เน้นวิดีโอมากขึ้น, การเรียกร้องภาครัฐให้เปิด content มากขึ้น
- การลากสายอินเทอร์เน็ตไปตามสถานศึกษาของ UniNet พร้อมกับช่วยโรงเรียนออกแบบระบบเพื่อรองรับการใช้งานที่เริ่มเปลี่ยนเป็น mobile มากขึ้น, การดูแลอุปกรณ์และสายสัญญาณต่าง ๆ ซึ่งจะเจอปัญหาไม่คาดคิด เช่น มดเข้าไปทำรัง กระรอกกัดสาย ฯลฯ
- กิจกรรมส่งเสริมทีวีท้องถิ่น คอมพิวเตอร์เพื่อน้องในชนบท และการสื่อสารในพื้นที่ภัยพิบัติของมูลนิธิกระจกเงา (อย่างหลังสุด พบว่าวิทยุสื่อสารคือสิ่งที่ช่วยได้มากที่สุด ไม่ใช่อินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์มือถือ)
- การสร้าง eco-system ของ Google ตั้งแต่การเสนอช่วยเก็บ content ที่มีคุณภาพ (เช่น กระทู้พันทิป), telemedicine โดยใช้แฮงเอาท์ของ Google+ และกระทั่ง Google map, การช่วยโรงเรียนจัดการเรื่องเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดย Google ยึดหลักว่าไม่ทำแบบทั่วทั้งประเทศ แต่ทำแค่บางแห่งเพื่อค้นหา best practice เป็นต้นแบบให้ที่อื่นทำตาม
- Open Data น่าจะเป็นประเด็นที่ได้ยินมากที่สุดในงานนี้ กล่าวคือ จากแนวคิดซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ได้ขยายไปถึงสาขาอื่น ๆ หนึ่งในนั้นคือ open data โดยข้อมูลที่เปิดนั้น ไม่ใช่แค่เอาขึ้นเว็บแล้วก็จบ แต่ต้องเป็นข้อมูลที่เครื่องสามารถประมวลผลเป็นสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ได้ด้วย ซึ่งรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ได้ทยอยเปิดข้อมูลในลักษณะนี้ไปมากแล้ว ส่วนประเทศไทยก็กำลังจะมีข่าวดีจาก สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.) ว่าอาจจะมี data.go.th เร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ ยังได้ฟังกรณีตัวอย่างของความเคลื่อนไหวภาคประชาชนทั้งจากไต้หวันและเชียงใหม่ด้วย
และยังมีประเด็นอีกมากมายใน closing session แต่ความรู้สึกรวม ๆ ที่เกิดขึ้นจากการฟังในงานนี้ก็คือ มันคล้ายเป็นอีกกรณีหนึ่งของประเทศไทย ถัดจากเรื่องรถไฟ, วงการซอฟต์แวร์ จนถึงวงการลินุกซ์/โอเพนซอร์ส ที่ไทยเริ่มก่อนใครในภูมิภาค แต่ก็ไปอย่างเชื่องช้า (บางเรื่องแทบหยุดนิ่ง) จนประเทศที่เริ่มทีหลังเขาแซงหน้ากันไปหมด
หรือประเทศเราจะถูกสาปให้เป็นเช่นนั้น?!
ปล. เพิ่งมานึกได้หลังจากงานเลิกแล้ว ว่างานพัฒนาโอเพนซอร์สก็เป็นผลิตผลสำคัญอย่างหนึ่งของอินเทอร์เน็ตเหมือนกันนี่หว่า (เกี่ยวข้องกับงานเขาจนได้เหมือนกัน) แต่ตอนนี้ไทยเราเริ่มซาไปนานแล้ว คงไม่มีอะไรให้พูดสักเท่าไร
ป้ายกำกับ: internet